เอเยนซี - เจ้าหน้าที่ตำรวจเผย ไม่สามารถตั้งข้อหาอาชญากรรมกับเด็กหญิงที่ก่อเหตุทำร้ายร่างกายเด็กชายวัยขวบเศษในลิฟต์ และโยนร่างน้อยจากชั้น 25 ของอาคารจนบาดเจ็บปางตายได้ สาเหตุเพราะเด็กหญิงอายุเพียง 11 ปี ซึ่งเท่ากับดำรงสถานะ “ผู้เยาว์” เท่านั้น
ไชน่า เดลี่ สื่อทางการจีน รายงาน (7 ธ.ค.) อ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจนครฉงชิ่งที่ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่ได้เข้าควบคุมตัวหรือยื่นคำฟ้องร้องต่ออัยการศาลท้องถิ่น เนื่องจากผู้ก่อเหตุเป็นเด็กหญิงอายุเพียง 11 ปีเท่านั้น ซึ่งทำให้สถานะ “ความเป็นผู้เยาว์” ปกป้องเด็กจากการตั้งข้อหาทางอาชญากรรม โดยตำรวจบอกว่า เด็กหญิงแซ่หลี่คนนี้ เดิมทีอาศัยอยู่ในเขตปกครองตนเองซินเจียง ชนชาติอุยกูร์ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ก่อนจะโยกย้ายตามมารดาที่มาทำงานในนครฉงชิ่ง ตั้งแต่วันจันทร์ (2 ธ.ค.) ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ หลี่ ซิ่นหยวน หรือ หยวนหยวน เด็กชายเคราะห์ร้าย วัย 18 เดือน ยังคงต้องพักรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูของโรงพยาบาลเด็ก มหาวิทยาลัยการแพทย์ฉงชิ่ง เพื่อรอรับการผ่าตัดสมองเป็นครั้งแรกในสัปดาห์หน้า
“อาการของหยวนหยวนอยู่ในภาวะทรงตัว ยังไม่มีความคืบหน้าไปในทางที่ดีเท่าไรนัก” หลี่ เซิงจง ผู้เป็นบิดาของเด็กชาย อ้างคำอธิบายของนายแพทย์
หลี่ เซิงจง เผยว่า ตอนนี้ครอบครัวของเขาไม่มีกำลังทรัพย์พอที่จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่สูงถึง 4,000 หยวน (ราว 20,000 บาท) ต่อหนึ่งวันได้ เพราะตัวเขาและภรรยาเป็นแค่เพียงแรงงานต่างถิ่นที่อพยพมาทำงานในฉงชิ่งเท่านั้น
ทางด้าน ตัน ซิงหมิง ทนายฝ่ายผู้เสียหาย กล่าวว่า สำนักงานศาลยุติธรรมท้องถิ่นได้รับพิจารณาคดีนี้เมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยบิดามารดาของหยวนหยวนเรียกร้องเงินชดเชยจากครอบครัวเด็กหญิงเป็นจำนวน 300,000 หยวน หรือราว 1,500,000 บาท และล่าสุดกำลังดำเนินการร้องขอต่อศาลให้ระงับความเคลื่อนไหวทรัพย์สินของครอบครัวเด็กหญิงทั้งหมด
นอกจากนี้ หลี่ เซิงจง ระบุอีกว่า มิใช่ว่าครอบครัวเขาได้รับเงิน 3 แสนหยวนแล้วเรื่องทั้งหมดจะสิ้นสุด เพราะยังต้องมีการรักษาพยาบาลขั้นตอนอื่นๆ ต่อไปอีก ยิ่งกว่านั้นนับตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นมา ครอบครัวของเด็กหญิงไม่เคยเดินทางมาเยี่ยมหรือติดต่อสอบถามอาการสักครั้ง ที่ผ่านมาแม้จะมีการส่งเงินรวม 78,000 หยวน (ราว 390,000 บาท) มาให้ แต่ก็เป็นการกระทำผ่านเจ้าหน้าที่ตำรวจเพียงอย่างเดียว
อนึ่ง หลักฐานจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นว่า เด็กหญิงแซ่หลี่ อายุ 11 ปี กลับถึงบ้านราว 16.10 น. ของวันที่ 25 พ.ย. ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันที่นางอู่ ยายของหลี่ ซิ่นหยวน กำลังพาหลานชายออกไปเดินเล่น ทั้งสองฝ่ายพบกันที่ลิฟต์ของอาคารที่พัก โดยเด็กหญิงเดินเข้าตัวลิฟต์ในขณะที่ยายอู่ลากรถเข็นเด็กออกไปและหยวนหยวนยังคงยืนอยู่ข้างในจนกระทั่งประตูลิฟต์ปิดลงก่อนที่ยายจะหันกลับมาพาหลานชายออกไปได้ทัน
ภาพจากกล้องวงจรปิดภายในลิฟต์ทำให้เห็นว่า เด็กหญิงตรงเข้าทำร้ายร่างกายหยวนหยวน ตั้งแต่ลิฟต์เคลื่อนตัวขึ้นจากชั้น 1 จนถึงชั้น 25 อันเป็นชั้นที่เด็กหญิงพักอาศัยอยู่กับครอบครัวของเธอ
คำให้การต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนของเด็กหญิง ระบุว่า เธอพาตัวหยวนหยวนกลับไปยังบ้านของตนเอง และทำร้ายร่างกายเขาอีกครั้งบนโซฟาในห้องนั่งเล่น จากนั้นก็พาไปที่ระเบียงเพื่อนั่งเล่น แต่เด็กชายพลัดตกลงไปเสียก่อน
ยายอู่ กล่าวต่อว่า เมื่อตนเองเห็นลิฟต์หยุดที่ชั้น 25 จึงได้รีบตามขึ้นไป โดยเธอพบเด็กหญิงกำลังเดินออกมาจากห้องพักและได้ถามหาหลานชาย ซึ่งเด็กหญิงบอกว่า มีคนพาหยวนหยวนไปแล้ว ทั้งสองจึงลงลิฟต์มาพร้อมกัน ทว่าแยกกันเมื่อลิฟต์ถึงชั้น 1 โดยยายอู่ตรงไปสำนักงานรักษาความปลอดภัยของชุมชนเพื่อขอดูภาพจากกล้องวงจรปิด
เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า หลังจากเด็กหญิงแยกกับยายของหยวนหยวนที่ลิฟต์แล้ว เธอได้เดินไปยังพุ่มไม้ที่หยวนหยวนตกลงมา และพยายามเคลื่อนย้ายร่างของเด็กชายออกจากจุดที่ตกลงมาราว 7-8 เมตร ก่อนจะกลับบ้านของตนเอง
อย่างไรก็ดี เหตุเศร้าสลดดังกล่าวได้สั่นสะเทือนจิตใจและสร้างความวิตกกังวลให้กับผู้คนทั่วสังคมแดนมังกร โดยนางซ่ง เหยียนฮุ้ย ผู้เชี่ยวชาญด้านความรุนแรงในกลุ่มเยาวชน มหาวิทยาลัยรัฐศาสตร์ ไชน่า ยูทธ์ กล่าวว่า เธอถึงกับตกตะลึงงันเมื่อได้ทราบข่าวนี้ ทว่าเธอให้ความเห็นว่า มันอาจด่วนสรุปเร็วเกินไปในการวิเคราะห์สภาพจิตใจและแรงจูงใจในการก่อเหตุเพราะรายละเอียดหรือข้อเท็จจริงนั้นยังไม่เพียงพอ