เอเยนซี - สืบเนื่องจากการประชุมเต็มคณะของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 18 ครั้งที่ 3 ของปี 2556 ระหว่างวันที่ 9-12 พ.ย. ที่ผ่านมา บรรดาผู้นำต่างร่วมกันถกเถียงและอภิปรายแนวทางการปฏิรูปและทิศทางก้าวเดินของประเทศในอนาคต โดย “ความสงบมั่นคงของชาติ” ยังคงเป็นอีกหนึ่งวาระสำคัญของการประชุมครั้งนี้
รายงานข่าว (13 พ.ย.) อ้างคำแถลงของนายฉิน กัง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ว่าด้วยกรณีที่รัฐบาลจะจัดตั้ง “คณะกรรมการความมั่นคงแห่งรัฐ” (State Security Committee: SSC) ขึ้นมา เพื่อกำกับดูแลงานด้านความมั่นคงปลอดภัยทั้งในและนอกประเทศ โดยภาระหน้าที่หลักของคณะกรรมการฯ ชุดใหม่นี้ จะมุ่งสนใจกิจการภายในประเทศเป็นลำดับแรก โดยเฉพาะการขจัดความวุ่นวายในสังคมที่เกิดจากกลุ่มลัทธิหัวรุนแรง ลัทธิแบ่งแยกดินแดน และอื่นๆ ที่พยายามสร้างสถานการณ์ขึ้นบนผืนแผ่นดินจีน
“วัตถุประสงค์ของการตัดสินใจตั้งคณะกรรมการความมั่นคงแห่งรัฐ คือ การเติมเต็มระบบและยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงให้สมบูรณ์ เพื่อความสงบเรียบร้อยในทุกพื้นที่ของประเทศ” โฆษกฉินกล่าว
ทั้งนี้ หลายฝ่ายมองว่าจีนเลือกใส่ใจภัยคุกคามในบ้านตัวเอง อาจเป็นเพราะระยะหลังจีนต้องเผชิญกับเหตุวุ่นวายภายในประเทศอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะสองดาวเด่นอย่างแคว้นปกครองตนเองทิเบต และเขตปกครองตนเองซินเจียง ชนชาติอุยกูร์ ซึ่งรัฐบาลจีนอ้างว่ามีกลุ่มบุคคลที่สามพยายามเข้ามาปั่นป่วนให้เลวร้ายมากยิ่งขึ้น
จิน ฉันหลง ศาสตรจารย์และรองคณบดีสำนักวิชาการระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยประชาชนจีน (Renmin University) ให้ความเห็นว่า โครงสร้างการทำงานของคณะกรรมการฯ ชุดนี้ น่าจะมีพื้นฐานคล้ายคลึงกับ “สภาความมั่นคงแห่งชาติ” (the National Security Council: NSC) ของสหรัฐฯ ซึ่งรวบรวมเจ้าหน้าที่รัฐมือฉกาจจากภาคส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหาร หน่วยสืบราชการลับ และการทูตรวมศูนย์เป็นหนึ่งเดียว
อย่างไรก็ดี กระแสวิพากษ์วิจารณ์และเสียงแห่งความวิตกกังวลว่ารัฐอาจฉวยโอกาสใช้หน่วยงานดังกล่าวเป็นเครื่องมือลงโทษกลุ่มบุคคลหรือประชาชนที่เห็นต่างและกระทบอำนาจการปกครองของรัฐบาล
“มันอาจกลายเป็นโซ่ตรวนที่รัฐสามารถใช้ยื้อยุดนักต่อต้านเพื่อสิทธิมนุษยชน ประชาชนที่สนับสนุนเสรีภาพในการแสดงออก หรือกลุ่มผู้ประท้วงต่างๆ” นายหู จยา นักเคลื่อนไหวชาวจีนกล่าว
“หน่วยงานความมั่นคงของระบอบคอมมิวนิสต์ต่างมีชื่อเสียงทางลบมาโดยตลอด สมัยโซเวียตเองก็เคยมีหน่วยงานแบบ SSC มาก่อน เพียงแต่อยู่ภายใต้ชื่อว่าคณะกรรมาธิการเพื่อความมั่นคงแห่งรัฐ หรือเคจีบี (KGB)ซึ่งก็ล้มตายลงพร้อมกับการล่มสลายของโซเวียต ... ผู้นำจีนกำลังจะปลุกให้มันฟื้นคืนชีพ และย้อนกลับไปสู่อดีตหรืออย่างไร”
