อย่างโหด! สาวฮ่องกงสั่งแฟนหนุ่มคุกเข่า-ตบโชว์กลางถนนในเกาลูน (ชมคลิป)

เอเจนซี/ASTVผู้จัดการ – แฟนสาวชาวฮ่องกงโหดสั่งแฟนคุกเข่ากลางถนนในเกาลูน หลังพบว่านอกใจชวนสาวอื่นขึ้นอพาร์ทเมนต์ ด่าลั่นพร้อมจิกหัวตบไม่สนสายตาชาวบ้านที่เดินผ่านไปมา จนมีคนแจ้งความโทรเรียกตำรวจมารวบตัว ตั้งข้อหาทำร้ายร่างกาย



เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ที่ผ่านมา มีคลิปวิดีโอชิ้นหนึ่งความยาวประมาณ 5.31 นาที ถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ โดยคลิปวิดีโอดังกล่าวมีผู้ถ่ายไว้ในย่านช้อปปิ้งของเกาลูน ฮ่องกง เป็นภาพชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังคุกเข่า ร้องไห้ครวญครางขอความเห็นใจจากแฟนสาว ขณะที่แฟนสาวก็แสดงความโกรธ ด่าทอเป็นภาษาจีนกวางตุ้ง พร้อมกับจิกหัวตบชายหนุ่มอยู่เป็นเวลานาน โดยมีเพื่อนสาวเป็นพยานอยู่ข้างๆ

สำหรับเนื้อหาของการด่าทอ แฟนสาวโกรธแค้นที่ชายหนุ่มนอกใจ โดยชักชวนสาวอื่นไปที่อพาร์ทเมนต์ อย่างไรก็ตามรายละเอียดในคลิปไม่ได้ระบุว่า หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ นั้นเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องราวหรือไม่ แม้ชายหนุ่มจะร้องตะโกนหลายครั้งให้เพื่อนสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ ช่วยยืนยันสิ่งที่เขาพูด

“ทำไมเธอชวนเค้าให้ไปที่อพาร์ทเมนต์ของเธอ?” แฟนสาวถาม
“ฟังฉันก่อนสิ ก่อนที่จะตบตีฉัน” ชายหนุ่มอ้อนวอนทั้งที่คุกเข่า และว่า “ฉันบอกเค้าแล้วว่าไม่ให้มา”

อย่างไรก็ตามในบางส่วนของคลิป เพื่อนสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เตือนมิให้หญิงสาวทำร้ายชายหนุ่ม อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์กลับรุนแรงเข้าไปอีก เมื่อแฟนสาวที่กำลังโกรธจัดจิกผมชายหนุ่มขึ้นมาและตบหน้าหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งภาพดังกล่าวสร้างความตื่นตะลึงให้ผู้ที่เดินผ่านไปผ่านมาอย่างมาก

หนังสือพิมพ์เซาธ์ไชน่ามอร์นิงโพสต์รายงานว่า คลิปวิดีโอความยาวประมาณห้านาทีกว่าดังกล่าวกลายเป็นคลิปที่ถูกกล่าวขวัญอย่างกว้างขวางโดยมีผู้เข้าชมมากกว่า 27,000 ครั้งภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง โดยรายงานระบุด้วยว่าระหว่างนั้นได้มีผู้หญิงที่ผ่านไปผ่านมาได้โทรศัพท์เรียกให้ตำรวจมารวบตัวแฟนสาวจอมหึงโหดออกจากที่เกิดเหตุ

ด้านโฆษกของตำรวจฮ่องกงระบุว่า “เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุเมื่อราว 17.10น.ของวันที่ 4 ต.ค ที่ผ่านมา ณ เลขที่ 38 ถ.San Ma Tau ในเกาลูน ซิตี เจ้าหน้าที่ซึ่งไปถึงที่เกิดเหตุได้รวบตัวหญิงสาวอายุ 20 ปี แซ่เฉิงด้วยข้อหาทำร้ายร่างกาย ขณะที่ชายหนุ่มที่ตกเป็นเหยื่ออายุ 23 ปี แซ่ฉุย ก็ถูกตนำตัวส่งไปที่โรงพยาบาลควีน อลิซาเบธเพื่อดูอาการ”

ทั้งนี้โฆษกตำรวจฮ่องกงระบุว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะความขัดแย้งเกี่ยวกับปัญหาหัวใจ โดยคดีดังกล่าวถูกส่งต่อไปให้หน่วยสืบสวนอาชญากรรม (ซีไอดี)