เอเยนซี - แพทย์ชั้นนำฮ่องกง เสนอเทคโนโลยี“ดวงตาอิเล็กทรอนิกส์” ผ่าตัดใส่ดวงตาให้ กัว ปินปิน เด็กน้อยวัย 6 ขวบ ที่ถูกคนร้ายควัก ขณะแพทย์เจ้าของไข้และผู้ปกครองยังคงลังเลขอพิจารณาความเป็นไปได้อีกครั้ง
เซาท์ไชน่า มอร์นิงโพสต์ รายงาน (6 ก.ย.) ว่า บิดาของ กัว ปินปิน เด็กน้อยวัย 6 ขวบ ที่ถูกคนร้ายควักลูกตาสองข้าง กำลังพิจารณารับข้อเสนอความช่วยเหลือผ่าตัดดวงตาอิเล็กทรอนิกส์ นวัตกรรมล่าสุดของวงการฯ เพื่อช่วยให้สามารถกลับมามองเห็นอีกครั้ง
กัว ซื่อผิง บิดาของ กัวปินปิน กล่าวกับสื่อฮ่องกงว่า อาการของลูกชายดีขึ้นมากแล้ว โดยขณะนี้ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในมณฑลซานซี ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ระบุว่า ผู้ต้องสงสัยฯ ว่าทำร้ายเด็กน้อย น่าจะเป็นป้าของเขาเอง โดยพบว่า ป้าของกัวกัว เพิ่งจะฆ่าตัวตายเมื่อหลังเหตุการณ์นี้
รายงานข่าวกล่าวว่า ทางครอบครัวของ ปินปิน กำลังพิจารณารับข้อเสนอช่วยเหลือของนายแพทย์ชาวฮ่องกง เดนนิส แลม ผู้เชี่ยวชาญการผ่าตัดดวงตาชั้นแนวหน้า โดยนายแพทย์แลม กล่าวว่า มีความเต็มใจที่จะติดตามรักษา ปินปิน ซึ่งอาจจะเป็นกระบวนการที่นานหลายปีนับจากนี้ แต่ที่สุดแล้ว ถ้าการผ่าตัดได้ผล เด็กจะสามารถกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง แม้ว่าจะเป็นการมองเห็นในลักษณะรูปทรงและแสงเงาโดยผ่านสัญญาณไฟฟ้าที่ส่งเชื่อมกับประสาทตา
ครอบครัวของปิน กล่าวว่า จะต้องขอพิจารณาข้อเสนอ และข้อมูลต่างๆ เพื่อตัดสินใจแทนลูกของตนก่อน ขณะที่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา นายแพทย์เจี่ย ย่าติง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลดวงตาซานซี ซึ่งเป็นผู้ให้การดูแลรักษาปินปินอยู่ ยังตั้งข้อสงสัยกับแผนการรักษาของจักษุแพทย์ฮ่องกง
“ดวงตาอิเล็กทรอนิกส์ ยังอยู่เพียงขั้นตอนวิจัยพัฒนาเท่านั้น และไม่เคยมีการวิจัยทางคลีนิค (Clinical trial) ซึ่งหากให้พูดตรงๆ ตอนนี้ ได้แต่บอกว่า เด็กยังอยู่ในความทุกข์ทรมานผ่านวิกฤติร้าย ไม่อยากให้มีใครนำเขาไปเป็นหน่วยทดลองเทคโนโลยี" นายแพทย์ เจี่ย กล่าวกับ เป่ยจิงอีฟนิ่งนิวส์
ด้านนายแพทย์แลม กล่าวว่า การรักษาด้วยวิธีใส่ดวงตาอิเล็กทรอนิก เป็นกระบวนการรักษาแบบค่อยเป็นค่อยไป ที่มีระยะยาวนานราว 10 ปี และจะค่อยๆ ทำไปจนถึงจุดที่เทคโนโลยีนี้พัฒนาสมบูรณ์ สำหรับความกังวลของทางแพทย์เจ้าของไข้นั้น เป็นเรื่องที่เขาเองก็เข้าใจและคิดเช่นกัน
นายแพทย์เดนนิส แลม ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจักษุ เผยว่า เขาและทีมแพทย์พร้อมให้การช่วยเหลือเด็กน้อยคนนี้อย่างเต็มที่ โดยขณะนี้ได้จัดเตรียม “ดวงตาอิเล็กทรอนิกส์” ที่มีกล้องจับภาพอยู่ภายใน ซึ่งจะแปรภาพเป็นกระแสสัญญาณไปยังเครื่องวัดชีพจรขนาดเล็กที่เชื่อมอยู่กับลิ้น เพื่อช่วยให้เสี่ยวปินสามารถรับรู้รูปทรงของวัตถุผ่านดวงตาเทียมดังกล่าว
“มีการใช้เทคโนโลยีนี้ ทั้งในญี่ปุ่นและยุโรปแล้ว” จักษุแพทย์เดนนิส กล่าว
ทั้งนี้ แม้ว่าผู้ตองสงสัยที่ทำร้าย ปินปิน จะถูกระบุแล้วว่าเป็นป้าของเขาเอง แต่จากคำให้การของปินปิน ที่กล่าวกับญาติๆ กลับบอกว่า เขาถูกผู้หญิงแปลกหน้า ผมสีเหลือง และพูดสำเนียงแปลกๆ ไม่คุ้นหูเป็นคนทำร้าย โดยยืนยันว่า ไม่ใช่ป้า ทำร้าย
นายจาง หลี่ชิง เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวกับ ซีซีทีวีว่า คงจะต้องรอให้เด็กอยู่ในภาวะอารมณ์ปกติพ้นช่วงนี้ไปก่อน จึงจะขอเข้าไปพูดคุยสอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้อีกรอบ
ในตอนท้าย นายแพทย์เจี่ย กล่าวว่า ปินปิน แข็งแรงพอที่จะกลับบ้านได้แล้ว และอาจจะพร้อมที่จะใส่ตาปลอม ในเดือนถัดไปข้างหน้า