สอบถามข่าวคราวลูกชายปั๋ว ซีไหล คาดกลับจีนลำบาก

เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - การพิจารณาคดีนายปั๋ว ซีไหล อดีตนักการเมืองคนสำคัญของจีน ซึ่งเป็นการพิจารณาคดี ที่ตื่นเต้นเร้าใจมากที่สุดอีกครั้งหนึ่งของแดนมังกร น่าจะเป็นบทอวสานสำหรับชีวิตนักการเมืองของเขาแล้วอย่างแน่นอน

ทว่าอีกมุมหนึ่งของเรื่องราว ที่เหมือนนิยายของตระกูลดังนี้ยังคงไม่คลี่คลาย นั่นคือชะตากรรมของนายปั๋ว กัว กัว บุตรชายสุดสวาทเพียงคนเดียว

ชื่อของปั๋ว กัวกัว หนุ่มวัย 25 ปี ถูกเอ่ยถึงซ้ำ ๆ ระหว่างการพิจารณาคดี เพื่อพยายามค้นหาแรงจูงใจ ที่ทำให้นางกู่ ไคไหล ภรรยาของนายปั๋ว ซีไหล และมารดาของปั๋ว กัวกัว ยอมรับของกำนัลและเงินสินบนจากพวกเศรษฐี ที่ทำธุรกิจกับสามี

ทางเลือกสำหรับอนาคตของปั๋ว กัวกัวมีอย่างจำกัดในสภาพการณ์ที่มารดาถูกศาลตัดสินประหารชีวิตโทษฐานฆ่าคน แต่ให้รอลงอาญาไว้ก่อน ขณะที่บิดาก็กำลังรอคำพิพากษา ซึ่งเกือบจะเป็นที่แน่นอนแล้วว่า จะถูกตัดสินว่ากระทำผิดจริง ในข้อหาทุจริตคอร์รัปชั่น

ยิ่งไปกว่านั้น หลักฐานที่ถูกเสนอในศาลยังให้ภาพของปั๋ว กัวกัว ในลักษณะของเพลย์บอย ที่ถูกพะเน้าพะนอ และเป็นผู้ได้ผลประโยชน์จากเงินผิดกฎหมายของมารดา

ด้วยเงื่อนไขเหล่านี้เองทำให้ทายาทนักการเมืองผู้อื้อฉาวกลับบ้านเกิดเมืองนอนได้ลำบากเต็มที

ผู้สันทัดกรณีคาดว่า ปั๋ว กัวกัวคงเลือกอาศัยในสหรัฐฯ ต่อไป ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด และพยายามหลีกเลี่ยงไม่นำตัวมาพัวพันกับคดีทุจริตคอร์รัปชั่นของครอบครัว

ปัจจุบัน ปั๋ว กัวกัว ลงทะเบียนเรียนในโรงเรียนกฎหมายโคลัมเบียในนครนิวยอร์ก สำหรับภาคการศึกษาฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งบ่งชี้ว่า เขาอาจเตรียมลี้ภัยในระยะยาว โดยต้องใช้เวลานาน 3 ปี จึงจะสำเร็จการศึกษา และเสียค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพปีละ 80,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 2,560,000 บาท

ที่ผ่านมา ปั๋ว กัวกัว พยายามสลัดภาพลักษณ์ของหนุ่มเจ้าสำราญ โดยในการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในแผ่นดินใหญ่เมื่อปี 2552 เขาเล่าว่า ตอนอยู่ที่อังกฤษ เขาอาศัยในย่านสลัม และต้องประหยัดสุด ๆ

ทว่าภาพลักษณ์ ที่พยายามสร้างขึ้นมานี้ต้องกระจุย เมื่อหลักฐานในการพิจารณาคดีระบุว่า ปั๋ว กัวกัวเคยเช่าเครื่องบินส่วนตัวบินจากดูไบ ไปยังยอดเขาคิลิมานจาโร ในแทนซาเนียในราคา 80,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 2,560,000 บาท และซื้อตั๋วเครื่องบินให้เพื่อนชาวต่างชาติมาเที่ยวกรุงปักกิ่ง

เงินมากมายเหล่านี้นายซู่ หมิง เศรษฐีนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นผู้จ่ายให้ และถ้าปั๋ว กัวกัวยังอยู่ในจีน ก็อาจถูกฟ้องดำเนินคดีในข้อหารับสินบนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขามีอายุเกิน16 ปี ซึ่งกฎหมายกำหนดให้สามารถถูกฟ้องร้องในคดีอาญาได้

นายเหมา หลี่ซิน ทนายความในกรุงปักกิ่งชี้ว่า ในทางกฎหมายแล้ว หนุ่มปั๋วตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าสมรู้ร่วมคิด แต่ถ้าจะเอาผิดจริง ก็คงทำได้ยาก เนื่องจากรัฐบาลจีนมิได้ทำสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกับสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม จูน ทิว เดรเย่อร์ อาจารย์วิชารัฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยไมอามี่ ในรัฐฟลอริด้ามองว่า กัวกัว น่าจะยังเล็กอยู่มากเกินกว่าจะสมรู้ร่วมคิดในคดีอาญาใด ๆ ก็ตาม ที่พ่อแม่ของเขาอาจเป็นผู้ก่อขึ้น และรัฐบาลจีนไม่น่าจะฟ้องร้องเขา

เดรเย่อร์แนะว่า กัวกัวควรมุ่งเรียนหนังสือและหางานทำในบริษัทกฎหมายดี ๆ สักแห่ง ซึ่งจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขา เพราะเขามีความสามารถในการใช้ 2 ภาษา และโรงเรียนกฎหมายโคลัมเบียก็เป็นสถาบัน ที่ได้รับการยกย่อง

อย่างไรก็ตาม ชีวิตของปั๋ว กัวกัวดูเหมือนจะถูกเจ้ากรรมนายเวรคอยติดตามทวงหนี้ไม่เลิกรา เมื่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการใช้ชีวิตของเขายังไม่สร่างซาไป และชาวเน็ตบางรายบนแผ่นดินใหญ่ถึงกับเรียกร้องให้รงเรียนกฎหมายโคลัมเบียขับปั๋ว กัวกัว จากการเป็นนักศึกษา เพราะความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับที่มาของเงินค่าเล่าเรียน ที่แพงลิ่วนั้น