จีนเล็งออกกฎหมาย เอาเรื่องคนไม่อ่านหนังสือ

เอเยนซี - จีนเตรียมออกกฎหมาย ให้คนจีนอ่านหนังสือมากขึ้น หลังสำรวจฯ พบ คนจีนอ่านหนังสือเพียงปีละ 6.7 เล่มต่อปี ด้านสังคมออนไลน์ วิจารณ์เหมือนถูกบังคับให้อ่านหนังสือฯ ในยุคปฏิวัติวัฒนธรรม

สื่อต่างประเทศรายงาน (11 ส.ค.) ว่า จีนเตรียมออกกฎหมาย ให้คนจีนอ่านหนังสือมากขึ้น หลังจากที่เมื่อเดือนก่อน เพิ่งจะผ่านกฎหมายกตัญญู ที่บังคับผู้คน ให้กลับไปเยี่ยมพ่อแม่ของตัวเองให้มากขึ้น โดยการพิจารณาเกี่ยวกับการออกกฎหมายอ่านหนังสือล่าสุดนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการอ่านของคนในประเทศอ่านหนังสือให้มากขึ้น และคาดว่าจะผ่านร่างกฎหมายบังคับใช้ในปีนี้

รายงานข่าวกล่าวว่า สภานิติบัญญัติฯ ได้เสนอ กฎข้อบังคับอ่านหนังสือนี้ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาผ่านร่างฯ สืบเนื่องจากผลการสำรวจที่พบว่า แม้จีนจะเป็นหนึ่งในประเทศที่ผลิตหนังสือใหม่ๆ มากที่สุด แต่อัตราการอ่านหนังสือของคนจีน อยู่ในระดับที่ต่ำมาก โดยการสำรวจการอ่านของปีที่แล้ว (พ.ศ. 2555) ระบุว่า คนจีน อายุระหว่าง 18 - 70 ปี อ่านหนังสือเฉลี่ยปีละ 6.7 เล่ม (รวมทุกรูปแบบ ทั้งหนังสือที่เป็นเล่มและแบบอี-บุ๊ก) เมื่อเทียบกับสถิติในปี พ.ศ. 2554 ถือว่าเพิ่มขึ้นมาเพียง 1 เล่มต่อปีเท่านั้น และเมื่อเทียบกับการอ่านของคนอเมริกัน ซึ่งผลสำรวจพบว่า อ่านหนังสือเฉลี่ยที่ 10.5 เล่มต่อปี ก็ยิ่งห่างไกลกันมาก

เกี่ยวกับความคิดเห็นของการออกกฎหมายฯ นี้ แม้ทุกฝ่ายจะเห็นด้วยในความตั้งใจที่จะส่งเสริมการอ่านฯ แต่ยังมีผู้เห็นต่างหลายฝ่าย ในส่วนของวิธีการฯ ด้วยไม่พอใจกับท่าทีที่ดูจะเป็นการบังคับล้ำสิทธิฯ มากกว่าเชิญชวน และแย้งว่า ไม่ใช่คนจีนอ่านหนังสือน้อย แต่เป็นเพราะไม่ต้องการอ่านหนังสือที่มีเนื้อหาด้านเดียวของรัฐบาลมากกว่า และบางครั้งอยากจะอ่าน ก็โดนรัฐบาลเซนเซอร์ควบคุมเนื้อหาอีกต่างหาก นอกจากนั้น ผู้ผลิตหนังสือก็ขอร้องว่า ให้รัฐบาลช่วยจัดการปัญหาละเมิดลิขสิทธิ์นักเขียน และดูแลในส่วนของอุปสรรคที่บั่นทอนนักเขียน หรือสำนักพิมพ์ ผู้ผลิตฯ ส่วนการออกกฎหมายบังคับในเชิงตัวบุคคล มากกว่าระบบอุตสาหกรรมนั้น หากไม่พิจารณาให้รอบคอบ จะกลายเป็นการซ้ำรอย-ย้อนอดีตสมัยปฏิวัติวัฒนธรรมฯ ได้ แม้เจตนาจะต่างกัน