เอเอฟพี--นักรณรงค์อิสรภาพไต้หวันนับสิบคน ได้ปะทะกับกลุ่มตำรวจระหว่างการประท้วงต่อต้านข้อตกลงขยายการเปิดกว้างการค้าภาคบริการกับจีน
ในวันนี้(30 ก.ค.) กลุ่มวุฒิสมาชิกไต้หวันได้เปิดการประชุมถกเถียงเรื่องการขยายการเปิดกว้างภาคบริการกับจีนกลุ่มรณรงค์อิสรภาพไต้หวัน ก็ได้มาชุมนุมประท้วง ร้องตระโกนคำขวัญ “ต่อต้านข้อตกลงการค้าภาคบริการ พิทักษ์อธิปไตย” ทั้งยังพยายามล้ำเส้นที่ตำรวจขึงไว้รอบอาคารรัฐสภาในกรุงไทเป
ขณะที่ผู้ประท้วงกลุ่มหนึ่งปีนรั้วตึกรัฐสภา ตำรวจก็กรูเข้ามาสกัดไว้ จนเกิดการปะทะ ผู้ประท้วง 2 คน ได้รับบาดเจ็บ โดยหนึ่งในผู้บาดเจ็บนี้เป็นหญิงชราวัย 70 ปี ล้มลงกับพื้น และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล
“ข้อตกลงนี้จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจไต้หวัน คนท้องถิ่นจะตกงาน แต่ไม่ค่อยมีใครตระหนักถึงผลกระทบนี้” ผู้นำการประท้วง กล่าว
ไต้หวันและจีนได้ลงนามข้อตกลงเปิดกว้างการค้าในภาคบริการกันเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา โดยฝ่ายจีนจะเปิดภาคบริการถึง 80 รายการ ให้แก่บริษัทไต้หวัน ขณะที่ทางไต้หวันก็จะไฟเขียวให้นักลงทุนจีนเข้ามาในภาคบริการ 64 รายการ
การเปิดกว้างภาคบริการนี้เป็นหนึ่งในข้อตกลงต่างๆภายใต้ข้อตกลงกรอบงานความร่วมมือเศรษฐกิจ (Economic Cooperation Framework Agreement) ที่จีนและไต้หวันลงนามกันเมื่อสามปีที่แล้ว (2010) เพื่อลดกำแพงการค้าระหว่างกัน แต่ก็ได้สร้างความขัดแย้ง โดยพรรครัฐบาลก๊กมินตั๋ง ที่กำลังกระชับสัมพันธ์กับจีน บอกว่าข้อตกลงจะช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจไต้หวัน ด้านพรรคฝ่ายค้านคือพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า หรือ ดีพีพี ออกมาขวางลำ ชี้ว่าข้อตกลงนี้จะทำให้กลุ่มบริษัทรายเล็กในท้องถิ่นสูญเสียประโยชน์
วุฒิสมาชิกไต้หวันได้ถกเถียงข้อตกลงฯนี้ในวันอังคาร(30 ก.ค.) แต่ยังไม่ลงคะแนนเสียงรับรอง โดยจะเปิดการโหวตในเดือนก.ย.
ทั้งนี้ จีนนับไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน แม้ว่าทั้งสองได้แยกการปกครองตั้งแต่ปี 1949 เมื่อผู้นำก๊กหมินตั๋งแพ้สงครามกลางเมืองและถอยร่นมาตั้งรัฐบาลแยกต่างหากที่ไต้หวัน และเป็นปฏิปักษ์การเมืองกันนับจากนั้นมา กระทั่งในปี 2008 รัฐบาลภายใต้การนำผู้นำหม่า อิงจิ่วแห่งก๊กมินตั๋ง ได้หันมาผูกมิตรไมตรีกับจีน และบรรลุข้อตกลงการค้า การท่องเที่ยวกัน.