รอยเตอร์ - แม้ฮ่องกงได้กลายเป็นเมือง ที่ค่าครองชีพถูกลงเล็กน้อยสำหรับชาวต่างชาติแล้ว แต่ยังรั้งอันดับที่ 10 เมืองค่าครองชีพแพงที่สุดในเอเชีย
จากผลสำรวจครึ่งปีของอีซีเออินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นบริษัทด้านทรัพยากรบุคคล ระบุว่า ฮ่องกงหลุดจากอันดับเมืองค่าครองชีพแพงที่สุดในโลกจาก 37 มาอยู่ที่อันดับ 38 โดยคำนวณเฉลี่ยจากตระกร้าสินค้าและการบริการสำหรับผู้บริโภคชาวต่างชาติ ที่ซื้อกันทั่วไปในกว่า 400 เมืองทั่วโลก แต่ไม่รวมค่าที่พักอาศัย และการบริการสาธารณะเช่น รถโดยสารประจำทาง รถไฟ โทรศัพท์
ผลการสำรวจนี้บริษัทต่าง ๆ จะนำมาใช้คำนวณค่าใช้จ่ายสำหรับพนักงานบริษัท ที่ได้รับมอบหมายให้ไปทำงานในต่างประเทศ
เมื่อเทียบกับเมืองในแถบเอเชียด้วยกัน ฮ่องกงมีค่าครองชีพสำหรับชาวต่างชาติถูกกว่าสิงคโปร์ กรุงปักกิ่ง นครเซี่ยงไฮ้ กรุงโซล และกรุงโตเกียว ซึ่งครองอันดับหนึ่งติดต่อกันมาเป็นปีที่ 2 แล้ว
ขณะที่กรุงปักกิ่งติดอันดับที่ 24 ในโลก นครเซี่ยงไฮ้ติดอันดับที่ 26 และสิงค์โปร์ ติดอันดับที่ 36
ผลสำรวจในส่วนของฮ่องกงนั้น พบว่า ราคาเฉลี่ยในตระกร้าสินค้าและการบริการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 จากช่วงเดียวกันคือระหว่างเดือนม.ค.-มิ.ย.ของปีที่แล้ว โดยปัจจัยสำคัญที่สุด ที่มีผลต่อราคาเฉลี่ย ที่เพิ่มขึ้นนี้มาจากราคาอาหาร ที่แพงขึ้นอย่างมาก ซึ่งรวมทั้งการออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน
อย่างไรก็ตาม ราคาสินค้าประเภทอิเล็กทรอนิกส์ และน้ำมันเชื้อเพลิงที่ถูกลงก็เป็นปัจจัยลดทอนในส่วนของราคาอาหาร ที่แพงขึ้นได้
นาย ลี แควน ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียของอีซีเออินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า เงินเฟ้อที่สูงขึ้นในแผ่นดินใหญ่มีแนวโน้มกระทบต่อราคาสินค้าในฮ่องกง และเงินหยวน ที่แข็งค่าขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ผู้นำเข้าสินค้าในท้องถิ่นต้องจ่ายเงินมากขึ้นในการนำเข้าสินค้าจากแผ่นดินใหญ่
นอกจากนั้น แม้ฮ่องกงมีเสถียรภาพและไม่มีความเสี่ยงในเรื่องสกุลเงิน ซึ่งทำให้ฮ่องกงยังคงเป็นเมือง ที่น่าดึงดูดใจสำหรับชาวต่างชาติและบริษัทข้ามชาติ อย่างไรก็ตาม ฮ่องกงก็เสี่ยงสูญเสียความสามารถในการแข่งขันให้แก่เมืองอื่น ๆ ที่มีเสถียรภาพพอ ๆ กัน เช่น สิงค์โปร์ได้
ทั้งนี้ จากผลสำรวจทำนองเดียวกันของอิโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต (Economist Intelligence Unit) ซึ่งเผยแพร่เมื่อเดือนก.พ. ระบุว่า ฮ่องกงติดอันดับที่ 14 ของเมืองค่าครองชีพแพงที่สุดในโลกสำหรับชาวต่างชาติในจำนวนทั้งสิ้น 131 เมือง
