จีนเตรียมออกนโยบายใหม่ กระตุ้นการลงทุน ตปท. หลังศก. หด

เอเยนซี - จีนเตรียมออกนโยบายใหม่ ปฏิรูปกฎหมายการลงทุน เปิดกว้างให้บริษัทและชาวต่างชาติ หลังมูลค่าการลงทุนระหว่างประเทศโดยตรง (เอฟดีไอ) ของจีน ตกลงเป็นครั้งแรก

สื่อจีนรายงาน (5 มิ.ย.) อ้างคำแถลงของ นายหวง เฟย เจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ของจีนว่า จีนเตรียมประกาศแนวทางกระตุ้นการลงทุนจากต่างประเทศ หลังตัวเลขเศรษฐกิจในปีนี้ลดลง โดยนโยบายใหม่ดังกล่าว จะเป็นการปฎิรูปกฎหมายการลงทุน ซึ่งส่งผลเปิดกว้างอำนวยประโยชน์ และโอกาสทางเศรษฐกิจสำหรับบริษัทต่างชาติมากขึ้น

นายหวง กล่าวว่า แรงงานต่างชาติ ที่มีทักษะสูงจากบริษัทต่างชาติ จะได้รับการอนุญาตให้สามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของงานค้นคว้าวิจัยและโครงการพัฒนาต่างๆ ของจีน นอกจากนี้ รัฐบาลยังผ่อนคลายกฎระเบียบ เพื่อให้บริษัทต่างชาติที่ต้องการเข้ามาลงทุนต่างๆ เกิดแรงจูงใจด้วยค่าแรงที่ถูกลง รวมถึงการเข้มงวดเพิ่มมาตรการป้องกันการละเมิดทรัพย์สินทางปัญหาให้มากขึ้นด้วย

ทั้งนี้ เมื่อต้นปีที่เพิ่งผ่านมา การลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (เอฟดีไอ) ประจำเดือน ม.ค. ในจีนดิ่งลงลึกที่สุดในรอบกว่า 3 ปี สะท้อนว่านักลงทุนต่างชาติหันไปลงทุนกับชาติคู่แข่ง ที่มีต้นทุนการผลิตถูกกว่าในภาวะที่เศรษฐกิจโลกกำลังเติบโตอย่างเฉื่อยเนือย และกระทรวงพาณิชย์ของจีน เปิดเผยเมื่อวันพุธ (20 ก.พ.) ว่า มีการลงทุนโดยตรงเข้ามายังแดนมังกรในเดือน ม.ค.จำนวน 9,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก 11,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือน ธ.ค. โดยลดลงร้อยละ 7.3 จากช่วงเดียวของปีที่แล้ว นอกจากนั้นยังลดลงแตะระดับลึกที่สุด นับตั้งแต่เอฟดีไอลดลงร้อยละ 9.9 ในเดือน พ.ย. 2552

บรรดานักวิเคราะห์ชี้ว่า เงินไหลเข้าจากชาติเศรษฐกิจใหญ่ในเอเชีย และสหรัฐฯ ที่ชะลอลงในเดือน ม.ค. สะท้อนว่าต่างชาติมองแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจแดนมังกรในระยะสั้นว่า จะยังไม่กระเตื้องขึ้น

ข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่า การลงทุนจากสหภาพยุโรปในจีนในเดือน ม.ค. เพิ่มร้อยละ 81.8 จากปีที่แล้ว ถึง 820 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่การลงทุนของบริษัทจากสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 20.0 เหลือ 270 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า เอฟดีไอเป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจภายนอก ที่ภาคการผลิตของจีนเกี่ยวข้องด้วย แต่ก็เป็นส่วนประกอบเล็กๆ ของเงินทุนทั้งหมด ที่ไหลเข้ามาในจีน โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับการส่งออกของจีน ซึ่งมีมูลค่าสูงถึงราว 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปี 2555 กระทรวงพาณิชย์จึงยังเชื่อมั่นว่า การดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติโดยรวมทั้งหมดในปีนี้ จะยังบรรลุตามเป้าฯ ที่ตั้งไว้