เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์- แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกองทัพเรือสาธารณรัฐประชาชนจีน อ้างถึงการฝึกเตรียมความพร้อมรบในเขตทะเลหลวงจะดำเนินการเป็นวงรอบประจำ เพื่อพัฒนาศักยภาพของกองเรือรบแต่ไม่ได้หมายความว่าจะมีการเปลี่ยนนโยบายป้องกันประเทศ
พลเรือตรี เจียง เหว่ยเลี่ย (蒋伟烈) ผู้บัญชาการกองเรือทะเลใต้ วัย 57 ปี ได้ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวซินหวาบนเรือสะเทินน้ำสะเทินบกจู่โจมจิ่งกังซาน (井冈山) ที่กำลังเข้าร่วมฝึกภาคสนามเป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ ในน่านน้ำแปซิฟิกตะวันตก
อ้างว่า “การพัฒนาและการเติบโตของทัพเรือจีนไม่ได้แสดงว่าจีนเปลี่ยนนโยบายออกจากน่านน้ำภายในสู่ท้องทะเลสากล” ซึ่งเป็นปรกติที่กองทัพเรือนานาชาติจะฝึกเตรียมความพร้อมในเขตทะเลหลวง และด้วยศักยภาพของอากาศยานเตือนภัยล่วงหน้าที่เพิ่มขึ้น ทำให้กองทัพเรือต้องปรับการฝึกและประสานการดำเนินยุทธวิธีให้สอดคล้อง เพื่อขยายพื้นที่ปฏิบัติการในท้องทะเลไกล”
ขณะที่ หลิว ซื่อกุ้ย (刘赐贵) คณะกรรมการกรมการเมืองประจำกรมกิจการทางทะเล กล่าวกับหนังสือพิมพ์รายวันประชาชน ว่า “กองทัพเรือจีนยังคงแนวลาดตระเวนตามวงรอบปกติในเขตทะเลเหลือง ทะเลจีนตะวันออก และทะเลจีนใต้ เพื่อธำรงไว้ซึ่งอธิปไตยเหนือเขตแดน” อย่างไรก็ดี เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านกิจการพลเรือนทางทะเล กล่าวคือ ในอดีตกฎหมายพาณิชย์นาวีจีนไม่มีประสิทธิภาพ แต่ปัจจุบันนี้มีการปรับโครงสร้างและสนธิความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภายใต้กฎหมายพาณิชย์นาวีใหม่”
Antony Wong Dong ผู้ติดตามสถานการณ์ทางทหาร เห็นว่า “แนวทางของนายพลเจียง จะมีผลกระทบต่อประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ เวียดนาม และ ฟิลิปปินส์ ที่ยังมีปัญหาข้อพิพาททางทะเล ซึ่งเอาเข้าจริงแล้ว นายพลเจียงได้ส่งสัญญาว่าถ้าข้อพิพาททางทะเลไม่อาจแก้ไขได้ด้วยการเจรจา จีนก็มีความพร้อมใช้กำลังทหาร”
พลเรือตรี เจียง เหว่ยเลี่ย (蒋伟烈) ผู้บัญชาการกองเรือทะเลใต้ วัย 57 ปี ได้ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวซินหวาบนเรือสะเทินน้ำสะเทินบกจู่โจมจิ่งกังซาน (井冈山) ที่กำลังเข้าร่วมฝึกภาคสนามเป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ ในน่านน้ำแปซิฟิกตะวันตก
อ้างว่า “การพัฒนาและการเติบโตของทัพเรือจีนไม่ได้แสดงว่าจีนเปลี่ยนนโยบายออกจากน่านน้ำภายในสู่ท้องทะเลสากล” ซึ่งเป็นปรกติที่กองทัพเรือนานาชาติจะฝึกเตรียมความพร้อมในเขตทะเลหลวง และด้วยศักยภาพของอากาศยานเตือนภัยล่วงหน้าที่เพิ่มขึ้น ทำให้กองทัพเรือต้องปรับการฝึกและประสานการดำเนินยุทธวิธีให้สอดคล้อง เพื่อขยายพื้นที่ปฏิบัติการในท้องทะเลไกล”
ขณะที่ หลิว ซื่อกุ้ย (刘赐贵) คณะกรรมการกรมการเมืองประจำกรมกิจการทางทะเล กล่าวกับหนังสือพิมพ์รายวันประชาชน ว่า “กองทัพเรือจีนยังคงแนวลาดตระเวนตามวงรอบปกติในเขตทะเลเหลือง ทะเลจีนตะวันออก และทะเลจีนใต้ เพื่อธำรงไว้ซึ่งอธิปไตยเหนือเขตแดน” อย่างไรก็ดี เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านกิจการพลเรือนทางทะเล กล่าวคือ ในอดีตกฎหมายพาณิชย์นาวีจีนไม่มีประสิทธิภาพ แต่ปัจจุบันนี้มีการปรับโครงสร้างและสนธิความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภายใต้กฎหมายพาณิชย์นาวีใหม่”
Antony Wong Dong ผู้ติดตามสถานการณ์ทางทหาร เห็นว่า “แนวทางของนายพลเจียง จะมีผลกระทบต่อประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ เวียดนาม และ ฟิลิปปินส์ ที่ยังมีปัญหาข้อพิพาททางทะเล ซึ่งเอาเข้าจริงแล้ว นายพลเจียงได้ส่งสัญญาว่าถ้าข้อพิพาททางทะเลไม่อาจแก้ไขได้ด้วยการเจรจา จีนก็มีความพร้อมใช้กำลังทหาร”