เอเอฟพี/เอเจนซี - สถานการณ์ทะเลจีนตะวันออกระอุยิ่งขึ้น รัฐมนตรีกลาโหม อิสึโนริ โอโนเดระ ของญี่ปุ่นระบุในวันอังคาร (5 ก.พ.) ว่าเรือรบของแดนอาทิตย์อุทัยถูกระบบเรดาร์ของเรือฟริเกตจีน “ล็อกเป้า” เตรียมปล่อยอาวุธเข้าโจมตีอย่างน้อย 1 ครั้ง โดยที่ก่อนหน้านั้นในวันเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นได้เรียกตัวเอกอัครราชทูตจีนเข้ารับฟังการประท้วง กรณีเรือตรวจการณ์แดนมังกรรุกล้ำน่านน้ำบริเวณที่เป็นกรณีพิพาทกันอยู่ ทางด้านนักวิเคราะห์หวั่นการเผชิญหน้าและปะทะคารมซึ่งถี่ขึ้น อาจทำให้สองฝ่ายใช้กำลังปะทะกันโดยไม่เจตนา
รัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่นเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา มีบางสิ่งบางอย่างเหมือนกับเรดาร์ควบคุมอาวุธของเรือฟริเกตของกองทัพเรือจีน เล็งตรงมาที่เรือคุ้มกันของกองกำลังปกป้องตนเองทางทะเลของญี่ปุ่นลำหนึ่งในบริเวณทะเลจีนตะวันออก และก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน คือในวันที่ 19 มกราคม เฮลิคอปเตอร์ทหารของญี่ปุ่นก็ถูกระบบเรดาร์ล็อกเป้าเช่นเดียวกัน ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ไม่ปกติอย่างมาก
“เราตระหนักว่า การกระทำดังกล่าวอาจทำให้เกิดสถานการณ์ที่อันตรายมาก หากเกิดความผิดพลาดแม้เพียงนิดเดียว” เขากล่าวพร้อมกับสำทับว่า “เราจะขอให้ทางฝั่งจีนยับยั้งชั่งใจไม่กระทำสิ่งที่อันตรายเช่นนี้”
ความเคลื่อนไหวคราวนี้ทำให้สถานการณ์ในทะเลจีนตะวันออกเพิ่มทวีความตึงเครียดยิ่งขึ้น นอกจากนั้นแล้วในวันเดียวกันนั้น กระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่นยังเรียกเอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงโตเกียว เข้ารับฟังการประท้วง กรณีที่เรือจีนรุกล้ำน่านน้ำของญี่ปุ่นใกล้หมู่เกาะซึ่งญี่ปุ่นเป็นผู้ควบคุมอยู่และเรียกชื่อว่าเซงกากุ โดยที่ปักกิ่งเรียกขานว่าเตี้ยวอี๋ว์ ทั้งสองประเทศต่างอ้างอธิปไตยเหนือหมู่เกาะแห่งนี้ทับซ้อนกัน และเป็นกรณีพิพาทรุนแรงกระทบถึงการค้าระหว่างสองประเทศเจ้าของเศรษฐกิจใหญ่สุดของเอเชียคู่นี้
ฝ่ายญี่ปุ่นระบุว่า ต้องทำการประท้วงหลังจากที่เรือตรวจการณ์ 2 ลำของทางการจีนเข้าสู่บริเวณดังกล่าวและวนเวียนอยู่ถึงราว 14 ชั่วโมงในวันจันทร์ (4)
โยชิฮิเดะ ซูกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นแถลงเมื่อวันอังคารว่า การกระทำดังกล่าว “ยอมรับไม่ได้โดยสิ้นเชิง”
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นกล่าวหาว่าเรือของทางการจีนรุกล้ำน่านน้ำบริเวณที่เป็นปัญหาครั้งแล้วครั้งเล่า โดยที่ผู้สังเกตการณ์มองว่า เป็นความพยายามของปักกิ่งที่จะสร้าง “สถานการณ์ปกติอย่างใหม่” ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่โตเกียวไม่ได้มีอำนาจควบคุมหมู่เกาะดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนั้น แดนอาทิตย์อุทัยยังรายงานเรื่องเครื่องบินของกองทัพจีนได้รุกล้ำน่านฟ้าบริเวณเดียวกันในเดือนธันวาคม ทำให้ญี่ปุ่นต้องส่งเครื่องบินขับไล่ขึ้นไปขัดขวาง และช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ ทั้งสองฝ่ายต่างส่งเครื่องบินทางทหารไปยังพื้นที่พิพาท ซึ่งมีอย่างน้อยครั้งหนึ่งที่เครื่องบินของทั้งคู่เข้าใกล้กันมากแม้ยังไม่เกิดอุบัติเหตุชนกันก็ตาม
กระนั้น นักวิเคราะห์กังวลว่า การปะทะคารมกันไปมาและการเผชิญหน้าบ่อยครั้งขึ้น กำลังเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดการใช้กำลังโดยไม่ตั้งใจ
ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะของญี่ปุ่น ซึ่งเดินทางไปตรวจเยี่ยมเกาะโอกินาวาเมื่อวันเสาร์ (2) ได้ประกาศว่าจะปกป้องประเทศจาก “การยั่วยุ” ทั้งหลาย ซึ่งมุ่งคุกคามอธิปไตยภาคพื้นดิน อากาศ และทะเลที่สืบทอดมาของญี่ปุ่น ทั้งนี้แม้เขาไม่ได้ระบุชื่อผู้ “ยั่วยุ” โดยตรง แต่เป็นที่ชัดเจนว่า หมายถึงจีน
ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน รัฐบาลอาเบะยังจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีซึ่งปรากฏว่ามีการเพิ่มยอดใช้จ่ายทางการทหารเป็นครั้งแรกในรอบกว่าทศวรรษ โดยงบประมาณส่วนหนึ่งจัดสรรให้กับพื้นที่ที่เป็นปัญหาในทะเลจีนตะวันออก
นอกจากนั้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หน่วยยามฝั่งของญี่ปุ่นที่มีอาวุธยุทโธปกรณ์อย่างดี ยังเผยว่าจะตั้งหน่วยพิเศษที่มีเรือตรวจการณ์ใหม่ขนาดใหญ่ 10 ลำ, เฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ และกองกำลัง 600 คนภายใน 3 ปีข้างหน้า เพื่อทำหน้าที่พิทักษ์ดูแลดินแดนในทะเลจีนตะวันออก
อย่างไรก็ดี แม้อาเบะมีท่าทีแข็งกร้าวกับจีนมาตั้งแต่ช่วงหาเสียงเลือกตั้งกระทั่งได้ชัยชนะและเข้ารับตำแหน่งในเดือนธันวาคม ทว่าในเวลาเดียวกันเขาก็ยังใช้ไม้อ่อนควบคู่ไปด้วย โดยในการสัมภาษณ์เมื่อเร็วๆ นี้ เขาเอ่ยปากว่าจีนและญี่ปุ่นจำเป็นต้องจัดประชุมสุดยอด อีกทั้งยังส่งผู้แทนทางการทูต 2 ชุดเดินทางไปปักกิ่งเมื่อเร็วๆ นี้