รอยเตอร์ - การลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (เอฟดีไอ) ประจำเดือน ม.ค.ในจีนดิ่งลงลึกที่สุดในรอบกว่า 3 ปี สะท้อนว่านักลงทุนต่างชาติหันไปลงทุนกับชาติคู่แข่ง ที่มีต้นทุนการผลิตถูกกว่าในภาวะที่เศรษฐกิจโลกกำลังเติบโตอย่างเฉื่อยเนือย
กระทรวงพาณิชย์ของจีนเปิดเผยเมื่อวันพุธ (20 ก.พ.) ว่า มีการลงทุนโดยตรงเข้ามายังแดนมังกรในเดือน ม.ค.จำนวน 9,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก 11,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือน ธ.ค. โดยลดลงร้อยละ 7.3 จากช่วงเดียวของปีที่แล้ว นอกจากนั้นยังลดลงแตะระดับลึกที่สุด นับตั้งแต่เอฟดีไอลดลงร้อยละ 9.9 ในเดือน พ.ย. 2552
บรรดานักวิเคราะห์ชี้ว่า เงินไหลเข้าจากชาติเศรษฐกิจใหญ่ในเอเชีย และสหรัฐฯ ที่ชะลอลง
ในเดือน ม.ค. สะท้อนว่าต่างชาติมองแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจแดนมังกรในระยะสั้นว่า จะยังไม่กระเตื้องขึ้น
นายจาง จื่อเว่ย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีนของโนมูระในฮ่องกงระบุว่า เอฟดีไอของจีน ที่ลดลงมาอย่างต่อเนื่องและยาวนานที่สุด หลังจากวิกฤตการเงินโลกในปี 2551 บ่งชี้ว่า ชาติผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของโลกอย่างจีนกำลังเผชิญการแข่งขันจากชาติ ซึ่งมีต้นทุนการผลิตต่ำ โดยเขาคาดว่า จะมีบรรษัทข้ามชาติเข้าไปลงทุนในประเทศเหล่านี้ เช่น เวียดนาม และอินโดนีเซียมากขึ้น
ทั้งนี้ จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่า การลงทุนจากสหภาพยุโรปในจีนในเดือน ม.ค. เพิ่มร้อยละ 81.8 จากปีที่แล้ว ถึง 820 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่การลงทุนของบริษัทจากสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 20.0 เหลือ 270 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่เอฟดีไอในเดือน ม.ค. จาก 10 ชาติเศรษฐกิจชั้นนำในเอเชีย รวมทั้งฮ่องกง ญี่ปุ่น และสิงค์โปร์ ลดลงร้อยละ 9.0 จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เหลือ 7,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า เอฟดีไอเป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจภายนอก ที่ภาคการผลิตของจีนเกี่ยวข้องด้วย แต่ก็เป็นส่วนประกอบเล็กๆ ของเงินทุนทั้งหมด ที่ไหลเข้ามาในจีน โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับการส่งออกของจีน ซึ่งมีมูลค่าสูงถึงราว 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปี 2555
นอกจากนั้น เอฟดีไอเดือน ม.ค.ที่ลดลงไม่ส่งผลกระทบเท่าใดนักต่อภาพรวมของเศรษฐกิจจีน โดยกระทรวงพาณิชย์ยังเชื่อมั่นว่า การดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติโดยรวมทั้งหมดในปีนี้จะยังบรรลุตามเป้า ที่ตั้งไว้ เมื่อพิจารณาจากการลงทุน ที่ยังมีระดับสม่ำเสมอ นอกจากนั้น รายงานตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ในเดือน ม.ค. ของจีนยังแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของการบริโภคภายในและนอกประเทศ หลังจากเศรษฐกิจจีนในปี 2555 ชะลอการเติบโตมากที่สุดในรอบ 13 ปี
สอดคล้องกับรายงานของสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือมูดี้เมื่อวันพุธ (20 ก.พ.) ที่คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจแดนมังกรจะโตร้อยละ 7.5-8.5 ในปี 2556 เมื่อดูจากนโยบายการเงิน ที่มีการผ่อนคลาย และการขยายการให้สินเชื่อ ตลอดจนการตั้งเป้าการใช้จ่ายงบประมาณ ซึ่งน่าจะหนุนให้เศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้น
