ซินหวา/เซาท์ไชน่า มอร์นิงโพสต์/เอเอสทีวี รายงาน (11 ก.พ.) ว่า จวง เจ๋อต้ง นักกีฬาปิงปองแชมป์โลก 3 สมัยชาวจีน ต้นตำนานวีรบุรุษ “การทูตปิงปอง” ได้ถึงแก่กรรมแล้วเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (10 ก.พ.) ในวัย 73 ปี หลังป่วยเป็นมะเร็งมานานหลายปี
รายงานข่าวกล่าวว่า เรื่องราวของการทูตปิงปอง อันเป็นยุทธศาสตร์การทูตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษที่ 20 ระหว่างจีน-สหรัฐฯ ซึ่งมีนักการทูตอัจฉริยะ คือ โจว เอินไหล และเฮนรี คิสซิงเจอร์ ที่ต่างเล็งเห็นยุทธศาสตร์โลกกำลังเปลี่ยนไป ได้เข้ารับบทบาทเป็นผู้เชื่อมสานการทูตระหว่างประเทศ โดยเริ่มต้นจากเหตุการณ์เล็กๆ ระหว่างนักกีฬา 2 คน คือ จวง เจ๋อต้ง นักกีฬาปิงปองจีน ที่ขณะันั้นครองตำแหน่งแชมป์โลกมาแล้วถึง 3 สมัย นับว่าเป็นนักกีฬาระดับโลกคนแรกๆ ของจีน ส่วนนักกีฬาปิงปองอีกคนคือ เกลน โคแวน ชาวสหรัฐฯ (เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจในวัย 52 ปีเมื่อปี พ.ศ. 2547)
เกลน โคแวน เคยเล่าว่า จุดเริ่มต้นของตำนานการทูตนี้ เริ่มต้นมาจากเมื่อตอนที่เขาพลัดหลงกับรถนักกีฬาทีมชาติสหรัฐฯ ในสนามกีฬาฯ ระหว่างการแข่งขันรายการชิงแชมป์โลก ที่กรุงนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น (พ.ศ. 2514) แล้วตอนนั้นจู่ๆ รถบัสของทีมนักกีฬาจีนก็จอดรับอีกทั้งอาสาพาเขาไปส่งยังที่พักฯ
“แม้ในเวลานั้นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศระหว่างสหรัฐฯ กับจีนจะเต็มไปด้วยความหวาดระแวง ไม่ไว้วางใจ เย็นชา และเป็นศัตรูต่อกันมาตั้งแต่ครั้งจีนสถาปนาเป็น “สาธารณรัฐประชาชนจีน” แต่กับนักกีฬาจีน “จวง เจ๋อต้ง” เขาเป็นแชมป์โลกฯ ที่มีน้ำใจมาก เราได้ติดต่อกันตลอดมานับจากนั้น เขาให้ภาพเขียนภูเขาหวงซานแก่ผม และเขียนข้อความไว้ว่า “แม้ระดับรัฐบาลจะเป็นศัตรูกัน แต่เรานับคนอเมริกันเป็นเพื่อนของชาวจีน ผม (จวง เจ๋อต้ง) ขอมอบภาพเขียนชิ้นนี้ เป็นเสมือนสิ่งแทนใจมิตรภาพจากประชาชนจีน ไปยังประชาชนอเมริกัน” เกลน โคแวน กล่าว
เกลน โคแวน ยังกล่าวว่า เขาทั้งสองได้ตกลงกันว่าจะจัดทีมปิงปองสหรัฐฯ ให้มาแข่งขันที่ประเทศจีนในปีต่อมา และกิจกรรมนี้ได้นำไปสู่การเยือนจีนครั้งประวัติศาสตร์ของประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน แห่งสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2515 นับเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่เยือนและกระชับสัมพันธ์กับประเทศจีนในยุคคอมมิวนิสต์อย่างเป็นทางการ
บทบาทของจวง เจ๋อต้ง นับว่าสำคัญมาก เพราะเขาเป็นผู้สร้างบรรยากาศที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยเริ่มต้นจากในรถบัสนักกีฬาคันนั้น ที่มีแต่คนเตือนเขาว่าอย่ายุ่งกับคนอเมริกัน แต่เขายืนยันแยกแยะมิตรศัตรู และมิตรภาพระหว่างทั้งสองก็ยั่งยืนตลอดชั่วชีวิต จนวันที่โคแวนเสียชีวิตในปี พ.ศ. 2547 จวง เจ๋อต้ง โทรศัพท์จากกรุงปักกิ่งไปแสดงความเสียใจกับมารดาของโคแวน ก่อนที่ในปี พ.ศ. 2550 จะได้เดินทางไปสหรัฐฯ เคารพศพมิตร และเยี่ยมมารดาของโคแวนด้วยตนเอง พร้อมกล่าวว่าเขาไม่ได้มาพบกับเพื่อนนานมากแล้ว นับเป็นเรื่องน่าเสียใจของชีวิตตน
ประธานเหมา เจ๋อตง ผู้นำสาธารณรัฐประชาชนจีน ผู้ซึ่งได้ใช้โอกาสที่เปิดขึ้นจากนักกีฬาสองคนนี้ ออกปากเชิญผู้นำสหรัฐฯ ผ่านการติดต่อประสานงานของสุดยอดนักการทูตแห่งศตวรรษ 20 คือ โจว เอินไหล นายกรัฐมนตรีจีน กับ เฮนรี คิสซิงเจอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาในรัฐบาลของริชาร์ด นิกสัน ยังได้เคยกล่าวถึง จวง เจ๋อต้ง ด้วยความนับถือว่า “ไม่เพียงเป็นเลิศในกีฬาเท่านั้น แต่ยังเยี่ยมยุทธ์ในเชิงการเมืองการทูตด้วย”
แต่ชะตากรรมของจวง เจ๋อต้ง ภายหลังมรณกรรมของประธานเหมา เจ๋อตง ก็เปลี่ยนไป ในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม เขาถูกจำคุกในปี 2519 พร้อมกับบรรดาผู้นำระดับสูงพรรค ก่อนที่จะได้รับอิสรภาพในยุคของเติ้ง เสี่ยวผิง และกลับไปใช้ชีวิตตระเวนฝึกสอนปิงปองตามมณฑลต่างๆ ทั่วประเทศจีน จนกระทั่งเสียชีวิตในวัย 73 ปี ด้วยโรคมะเร็ง
“การทูตปิงปอง”
สำหรับ “การทูตปิงปอง” นั้น เพิ่งจะผ่านวาระครบรอบ 30 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสหรัฐฯ กับสาธารณรัฐประชาชนจีน ไปเมื่อปี 2552 ที่ผ่านมานี้เอง ซึ่งหากไม่มีปิงปองในครั้งนั้น โลกยังไม่อาจจะจินตนาการได้ว่า สงครามเย็นระหว่างจีน-สหรัฐฯ จะขยายผลเป็นอะไร โดยเหตุที่เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์จีนสถาปนาประเทศใน พ.ศ. 2492 นั้น สหรัฐฯ ได้ให้การสนับสนุนก๊กมินตั๋ง ที่เกาะไต้หวัน พร้อมกับดำเนินการคว่ำบาตรและกดดันจีนในด้านต่างๆ รวมถึงเรื่องกีฬาด้วย
จีนถือว่า การที่คณะกรรมการโอลิมปิกสากล และสหพันธ์กีฬาต่างๆ ยอมให้สิทธิแก่ไต้หวันในการแข่งขัน ในฐานะประเทศเอกราช เป็นการละเมิดอธิปไตยแห่งดินแดนของจีน เป็นเหตุให้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ถอนตัวจากการเป็นสมาชิกโอลิมปิกสากล และไม่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาระหว่างประเทศของสหพันธ์กีฬาต่างๆ เป็นเวลานานถึง 20 ปี จนกระทั่ง พ.ศ. 2514 นายกรัฐมนตรีโจว เอินไหล ได้เสนอให้รัฐบาลสถาปนาความสัมพันธ์กับญี่ปุ่น โดยส่งนักกีฬาปิงปองของจีนเข้าไปร่วมการแข่งขันที่ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันปิงปองชิงชนะเลิศระดับโลก ในปีนั้น (2514) จนกระทั่งปีต่อมา พ.ศ. 2515 จีนสนับสนุนให้ญี่ปุ่นและเกาหลีเหนือจัดตั้งสหภาพปิงปองเอเชีย อันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ประเทศจีนมีสถานะทางนิตินัยในประชาคมโลก และย้ำอธิปไตยหนึ่งเดียวที่ไม่อาจแบ่งแยกได้ของจีน-ไต้หวัน
อาจกล่าวได้ว่าสัญญาณแห่งไมตรีจิต-มิตรภาพ ของเกลน โคแวน กับ จวง เจ๋อต้ง คือกุญแจสำคัญในการนำสองชาติ ก้าวออกจากแดนแห่งความขัดแย้ง ซับซ้อนทางการเมืองการทูต ไปสู่สันติภาพอันสงบเรียบง่ายของโลกในศตวรรษที่ 20
จวง เจ๋อต้ง เกิดเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2483 ที่เมืองหยางโจว สมรสกับคู่ชีิวิตชาวจีนเชื้อสายญี่ปุ่น นางซาซากิ อัตสุโกะ เขาป่วยด้วยโรคมะเร็งลำไส้ระยะสุดท้าย เมื่อปี 2551 และได้รับการรักษาตลอดมา แต่ไม่สามารถหยุดภาวะลุกลามของโรคได้ จนสิ้นหวังในการรักษา ก่อนที่จะเสียชีวิต 5 เดือน เขาได้ขอให้แพทย์กระทำ “การุณยฆาต” เพื่อจะได้ตายอย่างสงบ แต่แพทย์ไม่อาจทำให้ได้ จึงทำได้เพียงประคองอาการจนเขาจากไปอย่างสงบ เมื่อวันที่ 10 ก.พ. ในวัย 73 ปี ที่โรงพยาบาลยู่อัน กรุงปักกิ่ง
รายงานข่าวกล่าวว่า ชาวจีนจำนวนมากต่างอาลัยต่อการจากไปของเขา โดยภายในเวลาเพียงวันเดียวมีผู้เข้าไปแสดงข้อความอาลัยในไมโครบล็อกตามเว็บไซต์ต่างๆ มากกว่า 400,000 ข้อความแล้ว
จวง เจ๋อต้ง เคยให้สัมภาษณ์สื่อฯ ไว้ว่า “ลูกปิงปองลูกเล็กๆ นี่เอง ที่หมุนทำลายกำแพงความเย็นชาที่กั้นขวางความสัมพันธ์ ไม่เพียงระหว่างชาติสองชาติเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงความสัมพันธ์ของจีนกับชาติต่างๆ ทั่วโลกด้วย”