รอยเตอร์ - จีนขาดดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศในปี 2555 จำนวน 117,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งส่งสัญญาณว่า เงินทุนกำลังไหลออกจากแดนมังกรท่ามกลางความวุ่นวายสับสนของตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลก
สำนักงานปริวรรตเงินตราของจีน (SAFE) ระบุเมื่อวันศุกร์ ( 1 ก.พ.) ว่า จีนมียอดขาดดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศในไตรมาส 4 ของปี 2555 จำนวน 31,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จาก 51,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในไตรมาส 3
นายดาริอุสซ์ โควัลซิค นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของธนาคารเครดิต อะกริกอล ซีไอบี ในฮ่องกงระบุว่า แนวโน้มจากไตรมาส 2 และ 3 ดูเหมือนจะยังคงมีอยู่ต่อไป และจีนจะยังคงเห็นเงินทุนไหลออกอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงไตรมาส 4 ดูเหมือนนักลงทุนยังคงไม่มั่นใจทิศทางของเศรษฐกิจจีน อย่างไรก็ตาม ดุลการชำระเงินโดยรวมของจีนเป็นบวก หลังจากดิ่งลงมา 2 ไตรมาสก็เนื่องจากยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของจีนแข็งแกร่ง และนี่คือสาเหตุที่ทำให้เงินหยวนในไตรมาส 4 แข็งค่าขึ้น
จีนมียอดเกินดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ 221,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2554
SAFE ระบุว่า สาเหตุหลัก ที่ทำให้เกิดการแกว่งมาสู่การขาดดุลในปี 2555 ก็เนื่องจากนักลงทุนในตลาดพอใจถือสินทรัพย์เป็นเงินสกุลต่างชาติมากกว่า ขณะที่มีหนี้เป็นเงินหยวน อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลเศรษฐกิจเมื่อเร็ว ๆ นี้เริ่มแสดงให้เห็นการไหลเข้ามาของเงินทุน ในขณะที่เศรษฐกิจจีนกำลังฟื้นตัว
"ไม่อาจปฏิเสธความเป็นไปได้ ที่จะมีเงินทุนไหลเข้ามาเป็นระยะ ๆ ถ้าบรรยากาศเริ่มดีขึ้นทั้งในประเทศและนอกประเทศ" SAFE ระบุ
SAFE ยังเปิดเผยว่า ยอดเกิดดุลบัญชีเดินสะพัดของจีนในปี 2555 มีจำนวน 213,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือร้อยละ 2.6 ของจีดีพี ส่วนยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในไตรมาส 4 มีจำนวน 65,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
สัดส่วนการเกินดุลต่อจีดีพีของจีนไม่สูงเกินไปกว่าระดับ ซึ่งเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ เห็นว่า มีความจำเป็นต่อการรักษาสมดุลของเศรษฐกิจโลก
ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของจีนอยู่ที่ราวร้อยละ 6 ของจีดีพีในปี 2552 และร้อยละ 10.1 ในปี 2550 โดยการลดลงอย่างต่อเนื่องนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจจีนเติบโตแข็งแกร่งขึ้นเมื่อไม่นาน