ปักกิ่งให้ไต้หวันยืมของล้ำค่าวังต้องห้ามไปจัดแสดง

เอเอฟพี - หัวหน้าใหญ่สุดฝ่ายพิพิธภัณฑ์ของไต้หวันเผย (20 ม.ค.) ปักกิ่งตอบตกลงให้ไต้หวันยืมผลงานศิลปะอันเป็นวัตถุล้ำค่าจากวังต้องห้ามไปจัดแสดงในงานนิทรรศการครั้งใหญ่ที่กรุงไทเป ครั้งนี้นับเป็นการสานสัมพันธ์ในทิศทางที่ดีขึ้นตามนโยบายผ่อนคลายคามตึงเครียดของสองฝ่าย

เฟิ่ง หมิงชู ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติของไทเป บินมายังกรุงปักกิ่งในวันจันทร์ 21 ม.ค. นับเป็นการเดินทางเยือนจีนเป็นครั้งที่สอง นับแต่ปี 2552 ที่หัวหน้าพิพิธภัณฑ์ของปักกิ่งและพิพิธภัณฑ์พระราชวังของจีนเดินทางเยือนเป็นการแลกเปลี่ยนกันเป็นครั้งแรก

เฟิ่งจะได้พบกับซาน จี้เสียง จากฝั่งแผ่นดินใหญ่ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับการขอยืมศิลปะชิ้นงามจากพระราชวังต้องห้ามจำนวนกว่า 30 ชิ้น เพื่อไปจัดแสดงนิทรรศการในกรุงไทเป ในเดือนต.ค.

เธอกล่าวว่า "ทางพิพิธภัณฑ์พระราชวังกรุงปักกิ่งได้อนุมัติข้อเสนอการขอยืมผลงานแล้ว"

การแสดงนิทรรศการดังกล่าว จะได้มีการนำผลงานจากพิพิธภัณฑ์ไทเป บางชิ้นเป็นผลงานศิลปะในสมัยจักรพรรดิเฉียนหลง (ค.ศ.1735-1796) จักรพรรดิราชวงศ์ชิงของจีน

เฟิ่งกล่าวว่า "หวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือระหว่างสองพิพิธภัณฑ์จะทำให้ทั้งสองฝ่ายมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในระยะยาว หลังจากที่ในปี 2552 ได้มีการเดินทางเยือนระหว่างกันเป็นครั้งแรก เรียกได้ว่าเป็นการทลายกำแพงพิพิธภัณฑ์ของปักกิ่งและไทเป"

ทั้งนี้ การเยือนแลกเปลี่ยนในปี 2552 นั้น ไต้หวันได้ยืมผลงานจากจีน 37 ชิ้นมาจัดแสดงด้วย นับเป็นความร่วมมือครั้งแรกระหว่างสองพิพิธภัณฑ์ สะท้อนให้เห็นความสัมพันธ์ไต้หวัน-ปักกิ่งกำลังเดินไปในทิศทางที่อบอุ่น แม้ว่าทั้งสองจะแบ่งแยกการปกครองนับแต่สิ้นสุดสงครามกลางเมืองในปี 2492 แล้วก็ตาม

เฟิ่งกล่าวว่า อย่างไรก็ดี ทางฝั่งไต้หวันยังไม่มีแผนการให้แผ่นดินใหญ่ยืมผลงานของตน เนื่องจากเกรงว่าฝั่งแผ่นดินใหญ่จะไม่ยอมคืน

พิพิธภัณฑ์ไต้หวันมีวัตถุล้ำค้าที่ขนมาจากจีนจำนวนกว่า 655,000 ชิ้น มีชิ้นโบราณเก่าแก่อายุ 7,000 ปี จากยุคนีโอลีธิคก่อนประวัติศาสตร์ มาจนถึงยุคสิ้นสุดราชวงศ์ชิงในช่วงปี 2454

วัตถุโบราณเหล่านี้ไต้หวันขนย้ายมาจากพิพิธภัณฑ์ในกรุงปักกิ่งในช่วงทศวรรษ 1930 โดยรัฐบาลชาตินิยมของเจียง ไคเชค เพื่อป้องกันไม่ให้ตกไปอยู่ในมือของกองทัพญี่ปุ่นผู้รุกราน ต่อมา วัตถุล้ำค่าเหล่านี้ถูกขนย้ายมายังไต้หวันโดยรัฐบาลชาตินิยมเมื่อกว่า 60 ปีที่แล้ว หลังจากพ่ายให้แก่พรรคคอมมิวนิสต์ ทำให้ฝ่ายเจียง ไคเชคต้องหนีออกจากแผ่นดินใหญ่มาปักหลักอยู่บนเกาะไต้หวัน

การเมืองระหว่างสองฝ่ายเริ่มดีขึ้นเมื่อปี 2551 เมื่อนายหม่า อิงจิ่วแห่งก๊กมินตั๋งของไต้หวัน นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดี ได้ลงนามเชื่อมความสัมพันธ์กับจีนใหญ่ด้านการค้าและการท่องเที่ยว

หม่าได้รับเลือกตั้งเมื่อปีที่ผ่านมาอีกครั้ง ให้นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีไต้หวันต่ออีกสี่ปี ในวาระที่สอง