เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - ว่าที่นายกรัฐมนตรีจีน นายหลี่ เค่อเฉียง ได้วาดแบบยุทธศาสตร์เศรษฐกิจใหม่ เพื่อดันจีนให้เป็นประเทศ 4 ทันสมัย โดยจะใช้เป็นแผนหลักเพื่อการปฏิรูปเศรษฐกิจจีนในช่วงสิบปีจากนี้
หลี่ได้แถลงแผนสี่ทันสมัยในการประชุมระหว่างคณะสมาชิกของสภาพรรคคอมมิวนิสต์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยอ้างถึงแผนการผลักดันของรัฐบาลจีนใหม่ในสี่ด้าน อันได้แก่ ปฏิรูปอุตสาหกรรม ด้านข้อมูลข่าวสารเทคโนโลยี ด้านการพัฒนาความเป็นเมือง และการพัฒนาเกษตรกรรมให้ก้าวล้ำ ในช่วงทศวรรษข้างหน้า
ขณะที่นักวิเคราะห์การเมืองหลายคนมองว่า สี่ทันสมัยเป็นคำที่เป็นนามธรรมและไม่มีความแปลกใหม่สำหรับจีน เมื่อก่อนผู้นำจีนก็เคยใช้คำว่า สี่ทันสมัยในการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงประเทศมาแล้ว
ในทศวรรษ 1960 อดีตนายกรัฐมนตรีโจว เอินไหลเป็นคนแรกที่เรียกร้องให้ประชาชาติทำความเข้าใจเรื่องความทันสมัยในด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม การป้องกันประเทศ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ต่อมาในช่วงทศวรรษ 1970 หลังปฏิวัติวัฒนธรรมผ่านพ้น ผู้นำเติ้ง เสี่ยวผิงก็ใช้คำว่าสี่ทันสมัยอีก โดยตั้งเป้าว่าจะต้องเพิ่มจีดีพีต่อหัวประชากรให้ได้แตะระดับ 1,000 ดอลลาร์ ภายในสิ้นศตวรรษที่ 20 จีนได้ดันเศรษฐกิจของตนจนกลายเป็นมหาอำนาจลำดับสองของโลก รายได้ต่อหัวทะยานไปไกลถึง 5,000 ดอลลาร์ มากกว่าที่ผู้นำเติ้งคาดไว้เสียอีก
วลี "สี่ทันสมัย" ก็ถูกนำมาใช้อีกครั้งในปี 2548 โดยมีเนื้อหาปฏิรูปอุตสาหกรรม การตลาด ความเป็นสากล และการสร้างเมืองฯ ขณะที่หลี่ก็ตอกย้ำนำเอาวลี สี่ทันสมัย มาใช้อีกในการแถลงยุทธศาสตร์ใหม่เพื่อใช้รับมือปัญหาที่จีนกำลังเผชิญ
ขณะนี้ประชาชาติจีนมาอยู่ในจุดที่เศรษฐกิจพัฒนามหาศาล และจีนไม่สามารถที่จะยืนหยัดใช้ระบบผลิตที่เน้นแรงงานแบบเข้มข้นต่อไปได้ ประชาชนย่อมแก่ลงทุกวันไปตามกาล การสูญเสียประชากรวัยทำงานจากนโยบายลูกคนเดียวส่งผลกระทบต่อศักยภาพการแข่งขันของจีนกับนานาประเทศ โดยเฉพาะอินเดีย เวียดนาม และเม็กซิโก ที่มีประชากรวัยทำงานจำนวนมากและแรงงานราคาถูกกว่า
ปัญหาเรื่องอายุประชากร ตลอดจนปัญหาการขยายตัวอุตสาหกรรมที่มากจนเกินดี และการเพิ่มมลภาวะทางสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้จีนต้องปรับเปลี่ยนวิธีการพัฒนาเศรษฐกิจใหม่อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง จากรายงานของเจพีมอร์แกน บริษัทที่ปรึกษาด้านการเงิน ระบุว่า ผู้นำจีนชุดใหม่มีแนวโน้มที่จะต้องกำหนดยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาเมือง นวัตกรรม ยกระดับอุตสาหกรรม ลดปัญหาช่องว่างรายได้และความไม่เท่าเทียมระหว่างเมืองต่าง ๆ เพื่อให้สามารถประคองการเติบโตในทศวรรษหน้าต่อไปได้
หลี่ อี้จง อดีตรัฐมนตรีด้านอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศจีนเผยว่า การใช้คำว่า "เป้าหมายเพื่อความทันสมัย" นั้นเป็นคำที่ไพเราะชวนเชื่อ แต่การจะทำให้สำเร็จนั้นยากยิ่ง จีนได้ก้าวมาถึงจุดที่ต้องลดระดับอุตสาหกรรมแล้ว หลังจากที่พัฒนามาอย่างหูดับตับไหม้ หัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมควรปรับมาเป็นเรื่องนวัตกรรม และรัฐบาลควรสนับสนุน หลี่กล่าวในงานประชุมสื่อที่ไช่ซินมีเดียจัดขึ้น (18 พ.ย.)
หลี่เผยด้วยว่า รัฐบาลปักกิ่งควรเพิ่มสัดส่วนการจัดงบประมาณด้านเทคโนโลยีขึ้นให้ถึง 30,000 ล้านหยวนในปีหน้า ซึ่งปีนี้จัดอยู่ที่ 22,800 ล้านหยวน การสนับสนุนจากภาครัฐจะช่วยขับดันด้านการลงทุนให้มีมูลค่ามากกว่า 700,000 ล้านหยวนในแต่ละปี