เอเอฟพี - นโยบายลูกคนเดียวของจีน ทำให้เกิดกรณีบังคับทำแท้งเพิ่มขึ้นจนมิอาจยอมรับได้ สมาชิกรัฐสภายุโรประบุเมื่อวันพฤหัสบดี (5) พร้อมประณามเหตุเจ้าหน้าที่บังคับให้สตรีรายหนึ่งที่ตั้งครรภ์ 7 เดือนทำแท้ง แถมรีดค่าปรับข้อหามีลูกเกินอีกนับ 2 แสนบาท
มติของรัฐสภาสหภาพยุโรประบุว่าพวกเขาขอประณามอย่างรุนแรงต่อกรณีนี้ รวมไปถึง “เหตุบังคับทำแท้งในทั่วโลก และโดยเฉพาะในเนื้อหาของนโยบายลูกคนเดียว” นอกจากนี้แล้วเหล่ามาชิกสภายุโรป ยังเรียกร้องให้จัดตั้งคณะสืบสวนอิสระเข้าสืบสวนเหตุฆ่าทารกและบังคับทำแท้งในจีน
ในจีน การทำแท้งในรายที่มีอายุครรภ์มากกว่า 6 เดือนเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่ด้วยนโยบายควบคุมประชากรอันเข้มงวดที่เอื้อแก่เด็กผู้ชาย เหตุทำแท้งเลือกเพศจึงเกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย
การกระทำเช่นนี้ “รังแต่สร้างความไม่สมดุลระหว่างจำนวนประชากรชายและหญิง และส่งผลกระทบทางลบแก่สังคมจีนโดยรวม” รัฐสภายุโรปกล่าว
เมื่อเดือนมิถุนายน เจ้าหน้าที่ในเขตเฉิงจยา มลฑลส่านซี ทางเหนือของจีน บังคับให้นางเฝิง เจี้ยนเหมย วัย 27 ปี เอาลูกออกขณะตั้งครรภ์ได้ 7 เดือน เพราะว่าเธอไม่มีเงินจ่ายค่าปรับ 40,000 หยวน (ราว 2 แสนบาท) สำหรับการมีลูกคนที่ 2 หรือเกินกว่าที่นโยบายควบคุมประชากรกำหนด
ภาพศพเด็กทารกเพศหญิง 7 เดือนที่ถูกฉีดยาขับออกถูกนำมาวางคู่กับนางเฝิงได้แพร่ไปในโลกออนไลน์ ยิ่งทำให้กระแสโกรธเกรี้ยวลุกโหมในจีนและทั่วโลก ซึ่งนับตั้งแต่นั้น เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง 7 รายก็ถูกลงโทษ
จีนได้นำนโยบายลูกคนเดียวมาใช้ตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1970 เพื่อจำกัดการเติบโตของจำนวนประชากร โดยเวลานี้ จีน เป็นชาติที่มีพลเมืองมากที่สุดในโลกคือเกือบ 1,350 ล้านคน
ภายใต้นโยบายดังกล่าว ครอบครัวในเขตเมืองจะได้รับอนุญาตให้มีลูกเพียงคนเดียว ส่วนครอบครัวในชนบทอาจจะได้รับอนุญาตให้มีลูกได้เป็นคนที่ 2 หากลูกคนแรกเป็นหญิง หรือบางเมืองอาจจะให้มีลูกคนที่ 2 ได้ หากพ่อแม่เป็นลูกคนเดียวของครอบครัว