ASTVผู้จัดการออนไลน์/เอเยนซี่--เรือจีนแล่นเข้าใกล้น่านน้ำเกาะเตี้ยวอี๋ว์ หลังจากที่ทั้งสองฝ่าย จีนและญี่ปุ่นได้โต้ตอบกันอย่างเผ็ดร้อน ขณะที่ธนาคารจีนหลายแห่งยกเลิกกิจกรรมระหว่างการประชุมประจำปีของไอเอ็มเอฟ และธนาคารโลก ซึ่งจัดขึ้นที่โตเกียวในสัปดาห์หน้า
หน่วยลาดตระเวนญี่ปุ่นรายงาน พบเรือจีนแล่นอยู่ใกล้เกาะพิพาทฯ ภายหลังการปรับคณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่นได้เพียงวันเดียว ท่ามกลางความตึงเครียดในกรฯพิพาทหมู่เกาะเตี้ยวอี๋ว์ที่ยังไม่คงร้อนระอุ
รายงานข่าวล่าสุดราว 12.30 น.วันนี้ (3 ต.ค.) พบเรือตรวจการณ์สมุทรจีน 3 ลำแล่นเข้าน่านน้ำใกล้เกาะเตี้ยวอี๋ว์
สืบเนื่องจากเมื่อวานนี้ (2 ต.ค.) ตามที่หน่วยลาดตระเวนญี่ปุ่นรายงานว่า พบเรือตรวจการณ์สมุทรจีน 4 ลำ แล่นเข้าน่านน้ำพิพาทฯ จากนั้น เรือลาดตระเวนญี่ปุ่นจึงแจ้งเตือนให้เรือฯ จีนแล่นออกไปจากบริเวณน่านน้ำเกาะฯ แต่ไม่ได้รับการตอบสนองใดๆ นอกจากนี้ ยังมีเรือจีนอีก 2 ลำแล่นอยู่บริเวณรอบๆ น่านน้ำเกาะพิพาทฯ กระทั่ง นายโคอิชิโร่ เกมบะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ได้ประท้วงไปยังรัฐบาลปักกิ่ง
ทบวงกิจการมหาสมุทรของจีนได้โต้ว่า เรือตรวจการณ์สมุทรจีนได้ลาดตระเวนบริเวณน่านน้ำเกาะเตี้ยวอี๋ว์ และเฝ้าระวังเป็นพิเศษกับการกระทำที่ผิดกฎหมายของกลุ่มการเมืองฝ่ายขวาญี่ปุ่น ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีชาวญี่ปุ่น 2 คนบุกขึ้นไปบนเกาะฯ
หลังรัฐบาลญี่ปุ่นประกาศซื้อเกาะ 3 เกาะในหมู่เกาะเตี้ยวอี๋ว์ เมื่อเดือนที่ผ่านมา (ก.ย.) ทำให้ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศทวีความรุนแรงมากขึ้น และเกิดการประท้วงในเมืองต่างๆ ของจีน แต่ต่อมาทางการจีนออกมาควบคุมสถานการณ์และกำลังดำเนินคดีกับผู้กระทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ
ธนาคารจีนไม่เข้าร่วมกิจกรรมระหว่างการประชุมธนาคารโลกและไอเอ็มเอฟที่กรุงโตเกียว
สื่อต่างประเทศรายงานว่า ปัญหาเกาะพิพาทฯระหว่างจีนและญี่ปุ่นบานปลายสู่เวทีระหว่างประเทศ โดยวันนี้ (3 ต.ค.) ธนาคารจีนหลายแห่งได้ประกาศไม่เข้าร่วมกิจกรรมที่จัดขึ้นระหว่างการประชุมประจำปีของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ ซึ่งกำลังจะจัดขึ้นในกรุงโตเกียวสัปดาห์หน้า
โดยธนาคาร 2 แห่งได้มีเอกสารอย่างเป็นทางการยืนยันกับกรุงโตเกียวในการถอนตัวออกจากกิจกรรมระหว่างการประชุมในครั้งนี้ได้แก่ ธนาคารการเกษตรแห่งประเทศจีน (Agricultural Bank of China) และธนาคารแห่งการสื่อสาร (Bank of Communications) ส่วนธนาคารแห่งประเทศจีน (Bank of China)ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมการประชุมดังกล่าวหรือไม่
ญี่ปุ่นได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมไอเอ็มเอฟและธนาคารโลกเป็นครั้งแรกในรอบเกือบครึ่งศตวรรษ ซึ่งญี่ปุ่นได้วางแผนให้เป็นการประชุมนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดของโลก และคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ราว 20,000 คน
โดยก่อนหน้านี้บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ และนิสสัน มอเตอร์ ได้ลดการผลิตในจีนลงและปิดศูนย์จำหน่ายรถยนต์ เนื่องจากเหตุประท้วงจากชาวจีนเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
ทั้งนี้เกาะพิพาทฯ ที่เรียกว่าเซ็งกากุในประเทศญี่ปุ่น และเรียกว่า เตี้ยวอี๋ว์ ในประเทศจีนตั้งอยู่ในบริเวณที่อุดมไปด้วยแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ โดยไต้หวันก็ได้เข้าร่วมกระบวนการเรียกร้องอธิปไตยเหนือเกาะพิพาทนี้ด้วย
ส่วนในเวทีประชุมสหประชาชาติเมื่อวันพฤหัสบดี (27 ก.ย.) ที่ผ่านมา ทูตจีนและญี่ปุ่นใช้วาทะโต้ตอบกันอย่างดุเดือด หลังจากที่นายหยัง เจี๋ยฉือ รัฐมนตรีต่างประเทศจีนได้เปิดวาทะโจมตีการซื่อเกาะฯของญี่ปุ่นโดยเล่าย้อนไปถึงประวัติศาสตร์การทูตเก่าแก่อันเป็นบาดแผลของจีนในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
หยังกล่าวในการประชุมที่สหประชาชาติว่า "จีนขอให้ญี่ปุ่นหยุดพฤติกรรมที่ละเมิดอธิปไตยของจีนอย่างเด็ดขาด และจงจัดการแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นให้ถูกต้องอย่างเป็นรูปธรรมและหันกลับมาจัดการความขัดแย้งด้วยวิธีการเจรจา"
นายหยังยกหลักฐานทางประวัติศาสตร์ขึ้นมาอ้างว่า ญี่ปุ่นล่อลวงจีนให้ลงนามในสนธิสัญญายกเกาะฯ ให้ ในปี 2438 ขณะญี่ปุ่นย้ำว่า หมู่เกาะดังกล่าวเป็นของญี่ปุ่นอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
โดยนาย โอซามุ ฟูจิมูระเลขาธิการใหญ่ของคณะรัฐมนตรีฯ ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า "สองชาติควรจะสงบท่าทีลงบ้าง หัดใช้มุมมองอะไรที่กว้าง ๆ ในการแก้ปัญหา และต้องคงรักษาการติดต่อสื่อสารระหว่างกันไว้"
ส่วนทูตญี่ปุ่นประจำยูเอ็น นายคาซูโอะ โคดะมะ ยืนกรานว่าหมู่เกาะดังกล่าวเป็นของญี่ปุ่นมาตั้งแต่ 2528 เขากล่าวว่า ญี่ปุ่นครองเกาะนี้ตั้งแต่จีนยังไม่เป็นสาธารณรัฐฯ ด้วยซ้ำ
ขณะเดียวกันรัฐบาลญี่ปุ่นก็ได้มีการปรับคณะรัฐมนตรี โดยเสร็จสิ้นลงเมื่อค่ำวันที่ 30 ก.ย. และนายโยชิฮิโร โนดะได้ออกมาแถลงในวันที่ 1 ต.ค.โดยยืนยันเจตนารมณ์เดิมในการพิทักษ์อธิปไตยญี่ปุ่นเหนือเกาะเซ็งกากุ
การนี้สหรัฐอเมริกาได้เรียกร้องให้ทั้งสองประเทศอยู่ในความสงบ โดยสหรัฐฯจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่รายงานข่าวล่าสุด ( 3 ต.ค.) แจ้งว่า กองทัพเรือสหรัฐฯได้ส่งเรือบรรทุกเครื่องบินจำนวน 2 ลำเข้าสู่ทะเลจีนตะวันออกแล้ว
