หวั่งอี้-เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ในเมืองซานย่า มณฑลไห่หนัน ตึกสูง 13 ชั้นเพิ่งสร้างเสร็จใหม่เอี่ยมถูกทุบทิ้งจนไม่เหลือซาก ด้วยเหตุคอนกรีตไม่มีโครงสร้างเหล็กตามมาตรฐานที่กำหนด โดยในเนื้อคอนกรีตไม่มีเหล็กข้ออ้อย มีเพียงเหล็กเส้นกลมบางๆเท่านั้น
สำนักบังคับใช้กฎหมายประจำเมืองซานย่า มณฑลไห่หนัน (ไหหลำ)ได้ตัดสินใจทุบอาคารผิดกฎหมายแห่งหนึ่งทิ้งโดยตัวอาคารถูกสร้างเป็นที่อยู่อาศัย แผนผังรูปตัวยู 凹 สูง 13 ชั้น ซึ่งภายในมีลิฟท์แก้วและห้องกว่า 460 ห้อง รวมพื้นที่ใช้สอยทั้งหมด 22,000 ตรม.ตั้งอยู่ในหมู่บ้านซีกวา เทศบาลตำบลเฟิ่งหวง
อาคารเพิ่งสร้างเสร็จหลังนี้ถูกรื้อถอนจนราบเป็นหน้ากลองตั้งแต่ยังไม่ได้เปิดขาย เนื่องจากโครงสร้างอาคารไม่ผ่านมาตรฐาน เช่นเดียวกับอาคารที่ถูกทุบไปเมื่อปีที่แล้ว โดยมูลค่าการลงทุนของทั้ง 2 อาคารรวมกันมากกว่า 100 ล้านหยวน (500 ล้านบาท) จนได้รับฉายาว่า “สุดยอดอาคารผิดกฎหมายในซานย่า”
ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังเตรียมการรื้อถอน กลุ่มผู้ประกอบการโครงการอาคารดังกล่าวได้เปิดวาล์วถังก๊าซหุงต้ม แล้วนำมาวางไว้ในสวนหน้าอาคาร จากนั้นได้พยายามขัดขวางการรื้อถอนอาคาร โดยจุดถังก๊าซให้ไฟลุกไหม้ ดีที่เจ้าหน้าที่เข้ามาดับไฟและนำถังก๊าซออกไปได้ทัน
การนี้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนมาพร้อมรถแบคโฮและอุปกรณ์แขนกลไฮโดรลิกครบครัน เพื่อทำการรื้อถอนตึกอย่างปลอดภัยที่สุด โดยทำการทุบทำลายให้ตึกล้มในระนาบดิ่ง ไม่ให้เอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ยังเตรียมรถดับเพลิง รถพยาบาล รถตำรวจฯ ไว้พร้อมหากมีอุบัติเหตุใดๆเกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน โดยในไซด์งานมีคนงานรื้อถอนราว 500-600 คน
จากการสังเกตการณ์ของผู้สื่อข่าวพบว่า ภายในโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก เนื้อคอนกรีตไม่มีเหล็กเสริมข้ออ้อยเป็นส่วนประกอบ มีเพียงเหล็กเส้นกลมบางๆที่ใช้มือบิดเพียงเบาๆก็งอแล้ว (คอนกรีตเสริมเหล็กประกอบด้วยคอนกรีตและเหล็กเสริม โดยเหล็กเส้นแบ่งเป็นเหล็กข้ออ้อยและเหล็กเส้นกลม ซึ่งเหล็กข้ออ้อยรับน้ำหนักได้มากกว่าและราคาแพงกว่า)
โดยเมื่อเดือนกันยายนปี 2011ทางสำนักบังคับใช้กฎหมายประจำเมืองซานย่าเคยออกคำสั่งให้ทำลายตึกที่มีลักษณะเช่นนี้ลงแล้วหนึ่งตึกเช่นกัน ที่น่าสนใจคือ ตึกทั้งสองถูกสร้างขึ้นจากเงินลงทุนราว 100 ล้านหยวนของนักเก็งกำไรอย่างผิดกฎหมายร่วมกับกลุ่มพันฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่ไม่ผ่านการขออนุญาตจ่ายน้ำจ่ายไฟจากรัฐบาล ทางโครงการจึงเตรียมสร้างห้องใต้ดินเพื่อขุดเจาะบ่อน้ำบาดาล และวางเครื่องจักรขนาดใหญ่ในการแจกจ่ายน้ำ-ไฟเองภายในโครงการ
นอกจากนี้ การรื้อถอนอาคารยังถูกขัดขวางจากผู้สูญเสียผลประโยชน์หลายครั้งด้วยกัน โดยครั้งหนึ่งได้สกัดกั้นคนราว 200 คนที่เข้าขวางการรื้อถอน ทำให้การรื้อถอนต้องหยุดไปชั่วคราว หลังจากนั้นสำนักงานตำรวจเมืองซานย่าได้เข้าตรวจสอบเหตุขัดแย้งที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ผู้กระทำผิดกฎหมาย 4 คนประกอบด้วย ผู้ค้าที่ดิน เจ้าของโครงการ และผู้ขัดขวางการรื้อถอน ถูกตัดสินให้รับโทษจำคุกตามกฎหมายอาญา
ท่านรองนายกเทศมนตรีที่คอยยืนกำกับความเรียบร้อยอยู่ในไซด์งานรื้อถอนกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า อาคารที่ผิดกฎหมายนี้ไม่ได้ผ่านการออกแบบที่ถูกต้องตามหลักสถาปัตยกรรมศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งเสี่ยงอันตรายจากอุบัติเหตุเพลิงไหม้เป็นอย่างยิ่ง โดยนอกจากเป็นภัยคุกคามต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนแล้ว ยังสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจด้วย ซึ่งทางรัฐต้องจัดการกับผู้ละเมิดกฎหมายเหล่านี้ในขั้นเด็ดขาดให้ได้อย่างถึงที่สุด