เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - นักวิจัยฮ่องกงระบุว่า ปัจจัยเสี่ยง ซึ่งพบบ่อยมากที่สุด ที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งเต้านม โดยเฉพาะในหญิงสาว ซึ่งเนื้อร้ายลุกลามได้ง่ายกว่า ได้แก่ความเครียดและการออกกำลังกายน้อยเกินไป
จากผลการวิจัยของศูนย์ทะเบียนโรคมะเร็งเต้านมแห่งฮ่องกง (Hongkong Breast Cancer Registry) ระบุว่า ผู้ป่วยอายุอายุต่ำกว่า 40 ปีส่วนใหญ่ออกกำลังกายไม่ถึงสัปดาห์ละ 3 ชั่วโมง และมีระดับความเครียดสูง
นอกจากนั้น เนื้อร้ายที่พบในผู้ป่วยกลุ่มนี้มักลุกลามได้รวดเร็วและมีพิษมากกว่าผู้ป่วย ที่มีอายุมากกว่า ซึ่งศาสตราจารย์วินนี่ หยัง หมิงหมิง ซึ่งอยู่ในคณะกรรมการกำกับดูแลของศูนย์แห่งนี้กล่าวว่า ยังไม่ทราบสาเหตุ แต่ปัจจัยด้านพันธุกรรมอาจเป็นสาเหตุหนึ่ง
ในแต่ละปีมีผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมรายใหม่ประมาณ 3,000 คนในฮ่องกง นอกจากนั้น นักวิจัยของศูนย์ศึกษาพบว่า ผู้ป่วย 7,241 รายมีปัจจัยเกี่ยวข้องกับรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวัน
การขาดการออกกำลังกายเป็นปัจจัยอันดับต้นสำหรับผู้ป่วยส่วนใหญ่ โดยเฉพาะผู้ป่วย ที่อายุยังน้อย โดยพบว่า ร้อยละ 85 มีการเคลื่อนไหวออกกำลังกายน้อยกว่า 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
ระดับความเครียดสูงยังพบในผู้ป่วยอายุน้อยร้อยละ 46 โดยร้อยละ 9 ระบุว่า ทำงานเวรกลางคืน ซึ่งทำให้เครียดมาก
ดร.พอลลี่ จัง ซูอี๋ ประธานคณะกรรมการกล่าวว่า ฮ่องกงมีอัตราผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมสูงที่สุดในเอเชีย สาเหตุสำคัญหนึ่งมาจากวิถีการดำเนินชีวิตในเมือง
สำหรับผู้ป่วยอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ปัจจัยที่พบบ่อยกว่าผู้ป่วยที่อายุน้อยกว่าได้แก่การมีน้ำหนักตัวเกิน หรืออ้วนมากไป
ทั้งนี้ โรคมะเร็งเต้านมเป็นโรคมะเร็ง ที่สตรีในฮ่องกงเป็นกันมากที่สุด นับตั้งแต่ปี 2536 และคร่าชีวิตผู้ป่วยราว 500 คนในแต่ละปี โดยร้อยละ 80 ของผู้หญิง ที่เป็นโรคนี้มีอายุไม่ต่ำกว่า 40 ปี แต่ผู้หญิงอายุน้อยก็มีแนวโน้ม ที่จะเป็นได้เช่นกัน โดยในรายที่อายุน้อยที่สุดที่ทางศูนย์เคยพบมามีอายุ 18 ปี
นอกจากนั้น จากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยฮ่องกง ที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วยังระบุว่า เกือบครึ่งหนึ่งของผู้ป่วย ที่ผ่าตัดเต้านมออกไป เกิดความเครียดทางร่างกาย หรือจิตใจ และสตรีบางคนอาจเกิดปัญหาด้านจิตใจเรื้อรัง เช่น นอนไม่หลับ วิตกกังวล หรือขาดเรี่ยวแรงชีวิตชีวาไปเลย
