เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - เจ้าหน้าที่รายงานผลการเลือกตั้งยืนยัน (10 ก.ย.) ผู้แทนกลุ่มพรรคการเมืองที่สนับสนุนประชาธิปไตย (Pan-democrats) ได้คะแนนเสียงในสภานิติบัญญัติหรือสภาเลกโก้ จำนวน 27 ที่นั่ง ทำให้ยังคงมีอำนาจเป็นฝ่ายค้านที่ทรงพลังในสภาฯ
ฝ่ายหนุนประชาธิปไตยได้คะแนนเสียง 18 จาก 35 จากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต ซึ่งมากกว่าฝั่งสนับสนุนรัฐบาล 1 เก้าอี้ ขณะเดียวกันก็ได้เก้าอี้อีก 6 ตัวจากการเลือกตั้งทางอ้อมโดยผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้ง ( functional constituencies)
นอกจากนั้นในการเลือกตั้ง "เก้าอี้พิเศษ 5 ตำแหน่ง" ฝ่ายหนุนประชาธิปไตยได้ไปอีก 3 ตำแหน่ง ขณะที่ฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลนั้นได้ 2 เก้าอี้ โดยผลการเลือกตั้งล่าสุดประธานพรรคดีพี (Democratic Party ) อัลเบิร์ต เหอ จวิ้นเหริน เอาชนะรองหัวหน้าพรรคดีเอพี นายหลิว เจียงหวา ไปด้วยคะแนนไม่มาก ได้ที่นั่งสุดท้ายจากห้าที่นั่ง "วุฒิสมาชิกพิเศษ" ไปครอง
รายละเอียดโค้งสุดท้าย 5 ตำแหน่งนี้ นายเจมส์ ถู จิ่นเซินได้รับคะแนนโหวตสูงสุดในบรรดาผู้เข้าชิง 7 คน ด้วยคะแนนเสียง 316,468 เสียง และผู้ที่ได้คะแนนรองลงมาคือ สแตร์รี หลี่ ฮุ่ยฉยง จากพรรคดีเอบี (Democratic Alliance for the Betterment and Progress) ด้วยคะแนนเสียง 277,143 คะแนน ส่วนเก้าอี้ที่สามเป็นของ นายเฟรเดอริก เฝิง เจี่ยนจี แห่งพรรคเอดีพีแอล (Association for Democracy and People’s Livelihood) ได้คะแนนเสียง 262,172 คะแนน
ขณะที่ฝั่งโปรรัฐบาลได้เก้าอี้ที่สี่และห้าไปครอง โดยนางเฉิน หวั่นเสียน แห่งพรรคสหภาพแรงงาน (The Hong Kong Federation of Trade Union) ได้คะแนนเสียง 246,196 คะแนน และสุดท้ายก็คือนายเหอ ที่สามารถเอาชนะนายหลิวไปด้วยคะแนนไม่มากนัก 228,840 ต่อ 199,732 คะแนน ส่วนผู้แข่งขันคนที่ 7 คือพาเมลา ไป๋ อวิ้นฉิน ได้คะแนนเสียง 61,321 คะแนน ไม่ได้ตำแหน่งฯ
จากผลดังกล่าว ทำให้จำนวนที่นั่งของฝั่งสนับสนุนประชาธิปไตย (ฝ่ายค้าน) รวม 27 ที่นั่ง ซึ่งคิดเป็นคะแนนเสียงมากกว่า 1 ใน 3 จากจำนวนวุฒิสมาชิก 70 คน ที่มาจากการเลือกตั้ง 40 แต่งตั้งโดยผู้มีอำนาจและกลุ่มธุรกิจอีก 30 ครั้งนี้ทำให้มีเสียงพอที่จะคัดค้านการเปลี่ยนธรรมนูญการปกครองฮ่องกงของฝั่งโปรรัฐบาลฯได้
ทั้งนี้ เก้าอี้พิเศษ 5 ตัวที่มีการเลือกตั้งเสริมขึ้นมา เนื่องจากมีประชาชนอีก 3.2 ล้านคนที่ไม่สามารถมาลงคนแนนเสียงแบบทางอ้อมได้ ทำให้ต้องเพิ่มที่นั่ง และผู้ที่ได้รับตำแหน่งในห้าตำแหน่งนี้จะมีอำนาจมากกว่าวุฒิสมาชิกทั่วไป
ฝั่งหนุนประชาธิปไตยพบว่ามีเสียงสนับสนุนจากประชาชนเพิ่มขึ้น โดยพรรคพลังประชาชน (People Power) ได้รับที่นั่งล่าสุดอีกหนึ่ง รวมทั้งหมด 3 เก้าอี้ ขณะที่พรรคแอลเอสดี (League of Social Democrats) ได้หนึ่งที่นั่ง อย่างไรก็ดีผลรวมคะแนนเสียงของสองพรรคนี้สูงถึง 260,000 เสียง มากกว่าเมื่อสี่ปีที่แล้วถึง 100,000 เสียง
นายหวง อี้หมิน แพ่งพรรคพลังประชาชน ผู้กำชัยชนะในเกาลูน เผยว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ทำให้แนวคิดของฝั่งหนุนประชาธิปไตยขยายกว้างขึ้น นายหวงยังเผยว่า พวกเขาจะยังคงเดินบนอุดมการณ์ที่ขัดแย้งกับฝ่ายหนุนรัฐบาลในสภาต่อไป
พรรคซีวิค (Civic Party) ได้เก้าอี้มา 1 ตัว จากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตใน 5 เขต ซึ่งพรรคฯ ได้พยายามจะชิงให้ได้สองเก้าอี้ในเขตนิว เทอริทอรีส์ เวสท์ และฮ่องกงไอซ์แลนด์ แม้ว่าจะได้ผลรวมจากสองเขตเลือกตั้งสูงสุด แต่ก็ไม่สามารถรักษาเก้าอี้ที่สองไว้ได้
ฝ่ายพรรคดีพี พ่ายสองเก้าอี้รวดในการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต ทั้งนี้ผู้นำนายอัลเบิร์ต เหอ ได้ลาออกจากผู้นำพรรคฯ แล้วกลับมาได้รับการเลือกตั้งอีกจากเก้าอี้ห้าตัวสุดท้ายในตำแหน่ง "วุฒิสมาชิกพิเศษ"
พรรคแรงงานได้ 4 ที่นั่ง ขณะที่พรรคเอ็นดับเบิลยูเอสซี ( Neighbourhood & Worker’s Service Centre ) ได้หนึ่งที่นั่ง
ขณะที่พรรคดีเอบี (Democratic Alliance for the Betterment and Progress ) ซึ่งหนุนรัฐบาลปักกิ่ง ยังคงเป็นพรรคใหญ่สุด ได้ชัยชนะครบทั้ง 9 ตำแหน่งจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตทั้งหมด 5 เขต ซึ่งจำนวน 9 นี้มากกว่าปี 2551 ซึ่งมีจำนวน 7 เก้าอี้
หัวหน้าหญิงพรรคลิเบอรัล มาเรียม หลิว เจี้ยนอี้ พ่ายแพ้หลังจากเธอเปลี่ยนมาลงเขตฮ่องกงไอซ์แลนด์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เธอไม่ได้เก้าอี้ในการเลือกตั้งทางตรง เธอลั่นว่าจะลาออกจากตำแหน่งผู้นำพรรคฯ ตามธรรมเนียม
ในการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีผู้ลงคะแนนเลือกตั้งจำนวน 1.83 ล้านคนไปใช้สิทธิ์ ซึ่งนับเป็นจำนวนสูงสุดในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาฮ่องกง