ผู้นำไต้หวัน หม่า อิงจิ่วรุดประชิดเกาะเตี้ยวอวี๋ ดูสถานการณ์

เอเยนซี่--สื่อไต้หวันรายงานว่า ในวันศุกร์ที่ 7 ก.ย.นี้ ประธานาธิบดี หม่า อิงจิ่วของไต้หวัน จะนั่งเฮลิคอปเตอร์ไปยังเกาะ เผิง จยา เพื่อสำรวจตรวจตราหมู่เกาะเตี้ยวอี๋ว์ในระยะประชิดที่สุดเป็นครั้งแรก อันเป็นการแสดงจุดยืนของไต้หวันในการพิทักษ์เกาะฯ พิพาทระหว่างจีนและญี่ปุ่น

หลังจากที่ข่าว “รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมเงิน 2,050 ล้านเยน (ราว 816 ล้านบาท) ซื้อเกาะเตี้ยวอี๋ว์” ได้กระตุ้นให้ชาวโลกเกิดความกังวลไปทั่วแล้ว เมื่อวันที่ 3 ก.ย.หม่าอิงจิ่วยังได้ประกาศอย่างแข็งกร้าวว่า “จะไม่ประนีประนอมแม้ตารางนิ้วเดียว” ส่วนนายหยาง จิ้นเทียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไต้หวันได้บอกว่าการแทรกแซงด้วยคำพูดหรือการกระทำใดๆ ถือว่าเป็นการประท้วงอย่างหนึ่ง โดยเน้นย้ำว่า “ไม่ได้ดีแต่พูดเท่านั้น”

รายงานข่าวกล่าวว่า การเดินทางไปเกาะ เผิง จยา ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะไต้หวันในวันที่ 7 ก.ย.ของหม่าอิงจิ่วในครั้งนี้เป็นการไปครั้งแรก โดยเขาจะขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปยังเกาะเผิง จยา เพื่อตรวจประสิทธิภาพของกองเรือยามฝั่งและสถานีติดตามสภาพอากาศบนเกาะ แต่เป้าหมายสำคัญในการไปครั้งนี้ก็เพื่อรับฟังและสังเกตการณ์สถานการณ์เกาะเตี้ยวอี๋ว์อย่างใกล้ชิดมากที่สุด

โดยทางกองทัพไต้หวันมีแผนการให้หม่านั่งเฮลิคอปเตอร์บินขึ้นจากเกาะเผิง จยา ซึ่งอยู่ห่างจากเกาะเตี้ยวอี๋ว์ 140 กิโลเมตร ไปยัง “เขตป้องกันภัยทางอากาศ ADIZ” (air defense identification zone) เพื่อสำรวจดูเกาะเตี้ยวอี๋ว์ในระยะประชิดที่สุด ให้หม่าได้ทำความเข้าใจกับสภาพการณ์ของน่านน้ำพิพาทนี้ภายในเวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง ท่ามกลางการเตรียมพร้อมของเจ้าหน้าที่ประจำเกาะ การเตรียมการป้องกันสูงสุดของกองทัพเรือและกองทัพอากาศในบริเวณใกล้เคียง ส่วนรายละเอียดการตรวจสถานการณ์ของผู้นำหม่า ถูกปกปิดเป็นความลับ

หมู่เกาะเตี้ยวอี๋ว์ ซึ่งญี่ปุนเรียน เซ็นกากุ ตั้งในทะเลจีนตะวันออก อยู่ระหว่างโอกินาวา กับไต้หวัน  แต่จีนก็อ้างว่าตนมีอธิปไตยเหนือเกาะฯ มาตั้งแต่ราชวงศ์หมิง (พ.ศ.1911) อย่างไรก็ตาม เกาะดังกล่าวเป็นที่ยอมรับในเวทีสากลว่าเป็นของญี่ปุ่น ที่ได้ผนวกรวมเข้าไปในปี 2438
ไต้หวันก็ได้อ้างสิทธิเหนือเกาะในบริเวณหมู่เกาะเตี้ยวอี๋ว์ด้วยเช่นกัน หม่าอิงจิ่ว ได้กล่าวในสุนทรพจน์เมื่อเร็วๆนี้ “เตี้ยวอี๋ว์ไถเป็นพื้นที่ภายใต้อธิปไตยของสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) อย่างไม่อาจโต้แย้งได้ ไม่ว่าจะใช้มุมมองทางประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ความจริงเชิงปฏิบัติ หรือกฎหมายระหว่างประเทศ ดังนั้นจึงมีความเหมาะสมอย่างยิ่งที่ไต้หวันจะได้เป็นผู้นำในการแก้ปัญหาพิพาทชิงเกาะจากคู่กรณี 3 ฝ่าย”