เอเยนซี--กลุ่มอุตสาหกรรมเปิดเผยว่า เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ยอดขายรถยนต์ในจีนลดลง 8.2 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ซึ่งเป็นสภาวะซบเซาตามสภาวะเศรษฐกิจของตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ยอดขายรถยนต์ในประเทศเริ่มชะลอตัวลงหลังจากรัฐบาลยกเลิกมาตรการอุดหนุนการซื้อขายรถยนต์ กอรปกับบางท้องถิ่นออกมาตรการจำกัดการซื้อขายรถยนต์โดยกำหนดโควตาทะเบียนรถ เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษและการจราจรที่ติดขัด
รายงานจากสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์จีนระบุว่า รถยนต์นั่ง (Passenger car) มีอัตราเติบโตยอดขายอยู่ที่ 11 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับ 1.12 ล้านคัน ลดลงจากอัตรายอดขายของเดือนมิถุนายน 15.8 เปอร์เซ็นต์ โดยยอดขายยานยนต์รวมอยู่ที่ 8 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับ 1.38 ล้านคัน ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 10 เปอร์เซ็นต์
ก่อนหน้านี้ยอดขายรถยนต์ในจีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2009 และปี 2010 หลังจากที่ปักกิ่งออกมาตรการรับมือวิกฤตเศรษฐกิจโลกโดยการลดภาษีและความช่วยเหลือด้านการเงิน แต่ยอดขายก็ลดลงเมื่อยกเลิกมาตรการฯดังกล่าว บวกกับสภาพอัตราเติบโตเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วได้ชะลอตัว
“จากข้อมูลข้างต้นแสดงให้เห็นว่ายอดขายรถยนต์มีแนวโน้มที่จะชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง และอาจแย่ลงกว่าเดิมในครึ่งปีหลัง” นายจยา ซิงกวง นักวิเคราะห์อิสระด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ในปักกิ่งกล่าว
ขณะนี้อัตราเติบโตเศรษฐกิจจีนที่ชะลอลง ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกประสบความล้มเหลวในการผลักดันยอดขายในจีนตามเป้าที่คาดหวัง ขณะที่ยอดขายในอเมริกาและยุโรปเป็นไปอย่างเชื่องช้า กระนั้น ผู้บริหาร GM และ Ford กล่าวว่า อัตราขยายตัวของยอดขายในเดือนกรกฎาคมของพวกเขา ยังดีกว่าภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ
GM รายงานว่ายอดขายรถของหน่วยปฏิบัติการในจีน และคู่หุ้นส่วนท้องถิ่น เพิ่มขึ้น 15.1 เปอร์เซ็นต์ หรือ 199,503 คัน ขณะที่ Ford มียอดขายเพิ่มขึ้น 32 เปอร์เซ็นต์ หรือ 42,560 คัน
ทั้งนี้ จีนได้แซงหน้าอเมริกากลายเป็นตลาดการค้ายานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในปี 2010
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่ออัตราเติบโตของยอดขายรถยนต์ในจีนช่วงนี้ ได้แก่ มาตรการจำกัดรถยนต์เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษและการจรจร โยขณะนี้ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว กุ้ยหยาง และเมืองอื่นๆ ได้ออกมาตรการจำกัดการเป็นเจ้าของรถยนต์
กลุ่มซิตี้ กรุ๊ป คาดการณ์ยอดขายรถยนต์ในจีน จะขยับขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ ลดลงจากระดับ 45.5 เปอร์เซ็นต์ ของช่วงบูมปี 2009 และ 32.4 เปอร์เซ็นต์ ของปี 2010.