เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - จีนทลายขบวนการผลิตยาปลอมทั่วประเทศ ยึดได้กว่า 200 ล้านเม็ด ทางการระบุ กินแล้วได้กลับบ้านเก่าแน่
กระทรวงพิทักษ์สันติราษฎร์ ( Public Security Ministry) แถลงเมื่อวันอาทิตย์ (5 ส.ค.) ว่า แก๊งผลิตยาเถื่อนรายใหญ่ 24 รายถูกกวาดล้างจากปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีการประสานงานกับหน่วยงานฝ่ายต่าง ๆ อย่างดี
ปฏิบัติการปราบปรามเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 25 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยใช้กำลังตำรวจ 18,000 นายจาก 190 เมือง สามารถทลายโรงงานได้กว่า 1,100 แห่ง และยึดยาเม็ดปลอมได้ถึง 205 ล้านเม็ด พร้อมฉลากยี่ห้อ ซึ่งมีการลดราคา ตลอดจนบรรจุภัณฑ์ และคู่มือการรับประทาน
กระทรวงระบุว่า ยาที่ยึดได้บางชนิดอวดอ้างสรรพคุณปลอมว่า สามารถรักษาโรคมะเร็ง ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และโรคผิวหนัง แต่กินแล้ว ถึงตายทีดียว
ยาปลอมบางชนิดปนเปื้อนสารเสพติด หรือสารออกฤทธิ์หลอนประสาท ซึ่งทำให้ตับไตพัง หรือถึงขั้นหัวใจวาย นอกจากนั้น ยังพบวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าปลอม ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นแค่น้ำเกลือล้วน ๆ
ทางกระทรวงยังได้ยอมรับว่า ปฏิบัติการปราบปรามเกิดขึ้นในขณะที่กระแสการลักลอบผลิตยาเถื่อนได้หวนกลับมาอีก แม้ทางการได้ปราบปรามอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาก็ตาม ถึงกระนั้น พวกมิจฉาชีพก็มีวิธีการใหม่ ๆ ในการหลบหนีการถูกจับกุม เช่น การโฆษณาสินค้าออนไลน์ ตามหน้าหนังสือพิมพ์ หรือโทรทัศน์
จากการแถลงของโฆษกของศาลประชาชนสูงสุดของจีนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คดีที่เกี่ยวข้องกับยาปลอมทั่วประเทศเกิดเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ถึง 688 คดี หรือเพิ่มถึงร้อยละ 70 ของคดีทั้งหมดในปีที่แล้ว ขณะที่เมื่อต้นปีนี้ ผู้บริโภคแดนมังกรถึงกับสะอึก เมื่อมีรายงานข่าวพบยาแคปซูลปนเปื้อนโครเมียม ซึ่งทำลายอวัยวะภายในร่างกายได้
อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์หู ซิงโต่ว นักวิเคราะห์การเมืองในกรุงปักกิ่งรายหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่า การกวาดล้างครั้งใหญ่นี้มีแต่จะทำให้ประชาชนนึกสงสัยความสามารถของรัฐบาลในการตรวจสอบการผลิตยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่การผลิตสินค้าปลอม ซึ่งมีทั้งอาหาร นม ของเล่น และเสื้อผ้าบนแดนมังกรกลายเป็นข่าวคึกโครมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ศาสตราจารย์หูยังมองว่า ระบบดูแลสุขภาพของจีน ซึ่งโรงพยาบาลและแพทย์ต้องพึ่งพารายได้จากการจำหน่ายยาส่งผลให้ยามีราคาแพงถึงขั้นที่พวกผู้ผลิตยาใต้ดินยอมเสี่ยงหากำไรจากยาปลอม
“การกวาดล้างครั้งนี้ยังสะท้อนให้เห็นว่าประเทศนี้กำลังเผชิญกับปัญหาที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกด้านจริยธรรม สุขภาพและความยุติธรรม … ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าผลประโยชน์ทางธุรกิจอีกแล้ว” เขากล่าว