แม่ชาวจีนบังคับลูกทรมานกระต่ายฝึกความกล้า

เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อื้ออึงขึ้นมา เมื่อชาวเน็ตรายหนึ่งโพสต์ข้อความบนเว็บบอร์ดเมืองอู่ฮั่น ว่าพบเห็นมารดาชาวจีนรายหนึ่งใช้ให้บุตรชายทรมาณกระต่ายเพื่อฝึกฝนความกล้าหาญ แก้ปัญหาลูกคนเดียวมักมีนิสัยขี้กลัว สื่อจีนแฉสารพัดวิธีแปลกที่พ่อแม่ใช้ฝึกความกล้าให้ลูก ขณะที่นักวิชาการออกโรงค้าน การสร้าง "ความกล้า" ไม่มีทางลัด

ชาวเน็ตโวย พบเด็กทุบตีลูกกระต่ายอย่างทารุณ

เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 2012 ชาวเน็ตรายหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า "ฉังชี่ว์ไป้จยา(常趣败家)" ได้โพสต์ข้อความลงบนเว็บบอร์ดเกี่ยวกับการเลี้ยงดูบุตรแห่งหนึ่งของเมืองอู่ฮั่น บรรยายว่าขณะที่เขาเดินเล่นอยู่ในหมู่บ้าน บังเอิญพบเด็กชายคนหนึ่งกำลังกระทำทารุณทั้งทุบตี ดึงทึ้งลูกกระต่าย จากการสอบถามเด็กน้อยเล่าว่า "แม่ให้ผมตีมัน ผมก็ไม่อยากทำ" เมื่อชาวเน็ตไปสอบถามมารดาของเด็กน้อยจึงทราบว่านี่เป็นวิธีการที่เธอคิดค้นขึ้นเพื่อรักษาอาการขี้กลัวของลูกชาย โดยให้ลูกฝึกทารุณ ทุบตีกระต่ายเพื่อเพิ่มความกล้าให้ตัวเอง

ทันทีที่ข้อความถูกโพสต์ลงบนโลกออนไลน์ ก็สร้างความฮือฮาให้กับชาวเน็ต หลายรายเห็นว่าวิธีการดังกล่าวเป็นวิธีที่โง่เขลา สุดโต่ง และน่ากลัวเกินไป

สื่อจีนเผยสารพัดวิธีแปลกฝึกความกล้า

จากกรณีดังกล่าว สื่อจีนได้ไปสัมภาษณ์บรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองถึงวิธีการฝึกความกล้าให้กับบุตร ซึ่งพบว่ามีมากมายหลายวิธี

นายหลิว ชาวเมืองอู่ฮั่น ให้ข้อมูลว่าลูกของเพื่อนมีนิสัยขี้กลัว ไม่กล้าแสดงออก เพื่อของเขาจึงฝึกความกล้าให้ลูกด้วยการซื้อปลาทองมาให้บีบเล่น จนปลาตายไปหลายตัว นายหลิวเล่าว่า ภายหลังแม้ว่าเด็กคนดังกล่าวจะมีความกล้ามากขึ้น แต่ติดนิสัยชอบความรุนแรง มักจะทะเลาะกับเพื่อนเป็นประจำ

นอกจากนี้สื่อจีนได้หาข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต พบว่ายังมีวิธีแปลกอื่นๆ ที่พ่อแม่ชาวจีนนิยมใช้เพื่อฝึกความกล้าให้ลูก อาทิ พาไปเข้าบ้านผีสิงในสวนสนุก พาเข้าไปอยู่ในกรงกับหมาป่าที่สวนสัตว์ เป็นต้น โดยพ่อรายหนึ่งให้ลูกอายุ 3 ขวบยืนบนเบาะนั่งมอเตอร์ไซค์ จากนั้นพ่อขับมอเตอร์ไซค์โลดโผนฉวัดเฉวียนไปมาจนเด็กน้อยตกใจร้องไห้จ้า ซึ่งผู้เป็นพ่อให้เหตุผลว่าเพื่อฝึกความกล้าของเด็กน้อยเช่นกัน

นักวิชาการแนะ "ความกล้า" ไม่มีทางลัด

กรณีปัญหาลูกคนเดียวมักเป็นเด็กขี้กลัวนั้น ซุนหมิน ผู้อำนวยการโรงเรียนประถมศึกษาเจี่ยฟั่งเฉียว เขตอู่ชัง แสดงความคิดเห็นว่าความกล้าของเด็กจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามประสบการณ์ที่สั่งสมในชีวิต พัฒนาอย่างเป็นขั้นตอนตามอายุ เช่นเด็กระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-2 ไม่กลัวความมืด สามารถนอนคนเดียวได้ เป็นต้น การที่ผู้ปกครองใช้วิธีการให้เด็กทรมาณกระต่ายเพื่อฝึกความกล้านั้นไม่เหมาะสม เพราะอาจส่งผลกระทบทางลบทำให้เด็กนิยมความรุนแรง และไม่เห็นความสำคัญของชีวิตสัตว์อื่น

ขณะที่ จัง จีก่วง ผู้อำนวยการโรงเรียนประถมศึกษาสือเอี้ยน เขตอู่ชัง แสดงความคิดเห็นต่อกรณีที่มารดาชาวจีนฝึกความกล้าให้ลูกด้วยการในทารุณกระต่ายในทำนองเดียวกันว่าเป็นวิธีการที่น่าตระหนก เพราะการสั่งสอนเด็กนั้นควรยึดหลัก 3 ประการคือ ความจริง ความเมตตา และความงาม ส่วนวิธีการสุดโต่งอย่างการทรมาณสัตว์ไม่เพียงไม่เพิ่มพูนความกล้าให้เด็ก แต่กลับเป็นการทำร้ายและสร้างรอยแผลไว้ในใจพวกเขา ทำให้เด็กกลายเป็นคนโหดร้าย เย็นชา นอกจากนี้ อาจารย์จัง ยังกล่าวด้วยว่า "ความกล้าไม่มีทางลัด ควรปล่อยให้เด็กสั่งสมประสบการณ์ และหัดแก้ปัญหาด้วยตัวเอง เพราะในระหว่างขั้นตอนของการปฏิสัมพันธ์ในสังคม ความกล้าจะเพิ่มพูนขึ้นเองตามธรรมชาติ"