เมื่อเหล่าตัน สิ้นชีวิต ฉินซือเดินเข้าไปคารวะศพ เพียงส่งเสียงร้องสามครั้ง ก็เดินผละจากไป
“ท่านเป็นสหายกับอาจารย์หรือไม่?” ศิษย์เหลาจื่อถาม
“ถูกแล้ว”
“และท่านคิดว่าเหมาะสมแล้วหรือ ที่มาคำนับศพด้วยอาการเยี่ยงนี้?”
“เหมาะแล้ว” ฉินซือตอบ “ทีแรกข้านับถือเขาเป็นมนุษย์ที่แท้ แต่ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าไม่ใช่เช่นนั้น เมื่อครู่ที่ผ่านมา ที่ข้าเข้าไปคำนับศพ ก็พบชายชราร่ำไห้คร่ำครวญราวอาลัยบุตรชาย และชายหนุ่มสะอื้นโหยไห้ราวอาลัยรักมารดา การที่มีผู้คนเยี่ยงนี้มาแวดล้อม เหล่าตันจะต้องทำอะไรบางอย่างที่ทำให้ผู้คนเหล่านั้นกล่าวขวัญถึง แม้เขาจะไม่ได้เรียกร้องต้องการ หรืออยากให้ผู้คนเหล่านั้นร่ำไห้อาลัยรัก นี่คือการฝ่าฝืนฟ้า หันหลังให้กับสัจธรรม และลืมต้นกำเนิดของตน แต่โบราณมาเรียกสิ่งนี้ว่าเป็นโทษทัณฑ์แห่งการฝ่าฝืนฟ้า อาจารย์ของเจ้าถือกำเนิดมา ก็เพราะถึงเวลาของเขา เมื่ออาจารย์ของเจ้าสิ้นชีวิตไป ก็เป็นไปตามวัฏจักรของสรรพสิ่ง หากยอมรับกาลเวลา และยินดีดำเนินตาม ฉะนี้แล้วไม่ว่าทุกข์หรือสุข ย่อมไม่อาจกล้ำกรายได้ แต่โบราณมาเรียกขานสิ่งนี้ว่าการเป็นการปลดปล่อยแห่งฟ้า
“แม้นน้ำมันมอดหมดจากคบไฟ เพลิงก็ยังลุกโชติช่วง และไม่มีผู้ใดอาจล่วงรู้ถึงจุดสิ้นสุดของมัน”
แปลเรียบเรียงตัดตอนจากหนังสือจวงจื่อ(庄子) บทที่สาม ความลับในการผดุงชีวิต ( 养身主)