เอเอฟพี - สำนักงานสถิติแห่งชาติ (เอ็นบีเอส) ของจีนเปิดเผยตัวเลขจีดีพีไตรมาสแรกของปีนี้เมื่อวันศุกร์ (13 เม.ย.) ระบุชะลอการเติบโตมากที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี
จีดีพีไตรมาสแรกของจีนโตร้อยละ 8.1 จากร้อยละ 8.9 ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2554 โดยชะลอการเติบโตต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 5 เนื่องจากความต้องการบริโภคที่ลดลงในประเทศ และปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป ซึ่งเป็นตลาดส่งออกสำคัญของจีน
หลักฐานอื่น ๆ ที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจแดนมังกรชะลอการเติบโตได้แก่การผลิตของโรงงานหลายล้านแห่งในประเทศชะลอการขยายตัวในช่วงไตรมาสแรก โดยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมโตร้อยละ 11.6 จากร้อยละ 15.7 ในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
โฆษกของเอ็นบีเอสระบุว่า สถานการณ์โลกในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้มีความซับซ้อนและแรงกดดันต่อการเติบโตในภาคการส่งออกของจีนมีมหาศาล เนื่องจากความต้องการของยุโรปในการนำเข้าสินค้าทรุดลง
ด้านธนาคารเอชเอสบีซีระบุว่า กิจกรรมการผลิตของจีนในเดือนมี.ค. ลดลงต่ำสุดในรอบ 4 เดือน การนำเข้าลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 5.3 และการส่งออกไปยุโรปในช่วงเดือนเดียวกันลดลงร้อยละ 1.8
อย่างไรก็ตาม บรรดานักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ชาติเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลกแห่งนี้จะรอดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจดิ่งลงอย่างรุนแรงไปได้ โดยคาดว่า จีดีพีของจีนจะเติบโตดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เมื่อภาพรวมเศรษฐกิจของยุโรปสดใสขึ้น
นายเสียนฟัง เหริน นักเศรษฐศาสตร์ของไอเอชเอส โกลบอล อินไซต์ (IHS Global Insight) ระบุว่า มีสัญญาณที่ดีปรากฏในหลายภาค ทำให้มั่นใจว่า การชะลอการเติบโตนี้เป็นการรวบรวมกำลังมากกว่าการตกต่ำอย่างที่เคยเกิดขึ้นในช่วงปี 2551-2552 และช่วงไตรมาสแรกนี้อาจเป็นไตรมาสที่อ่อนแอที่สุดในวงจรการตกต่ำทางเศรษฐกิจในขณะนี้ของจีนก็เป็นได้
ทั้งนี้ ยอดขายปลีก ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดสำคัญสำหรับการใช้จ่ายของผู้บริโภคดีดขึ้นเล็กน้อยเมื่อเดือนมี.ค. เป็นร้อยละ 15.1
สอดคล้องกับแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริลล์ ลินช์ ระบุว่า ช่วงเลวร้ายสุดได้จบลงแล้ว และจีดีพีไตรมาสแรกของจีนนี้จะเป็นช่วงตกต่ำสุดของวงจร ขณะที่รัฐบาลจีนจะยังคงนโยบายสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจต่อไป แต่คาดว่า รัฐบาลจะไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ออกมา
