น้ำมันขยับลง-หุ้นสหรัฐฯดิ่งแรงกังวลเศรษฐกิจจีนโตน้อย

เอเอฟพี - ราคาน้ำมันขยับลงพอประมาณวานนี้(13) เหตุมีแนวโน้มอุปสงค์ที่อ่อนตัวลงในจีน หลังพบข้อมูลว่าเศรษฐกิจของชาติแห่งนี้เติบโตช้าที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี ขณะที่ปัจจัยนี้เองก็ฉุดให้วอลล์สตรีท ปิดในแดนลบอย่างแรง

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 81 เซนต์ ปิดที่ 102.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 12 เซนต์ ปิดที่ 121.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนเปิดเผยว่า อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในช่วงไตรมาสแรกของปี 2012 ขยายตัวร้อยละ 8.1 อย่างไรก็ตามตัวเลขดังกล่าวนับเป็นอัตราการเติบโตที่ช้าลง หลังจากช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2011 เศรษฐกิจของปักกิ่งขยายตัวร้อยละ 8.9

เนื่องด้วยจีน ได้แซงหน้าสหรัฐฯ กลายเป็นชาติผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่ที่สุดในโลก ข้อมูลล่าสุดนี้จึงก่อความกังวลต่ออุปสงค์น้ำมันดิบในประเทศแห่งนี้ที่อาจอ่อนแอลงตามกิจกรรมการผลิตภายในประเทศที่หดตัวลง

ปัจจัยนี้ส่งผลกระทบรุนแรงมาถึงตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่วานนี้(13) ขยับลงหนัก แม้มีข้อมูลบวกเกี่ยวกับผลกระกอบการของ 2 ธนาคารยักษ์ใหญ่และกูเกิล

ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 136.99 จุด (1.05 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 12,849.59 จุด แนสแดค ลดลง 44.22 จุด (1.45 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,011.33 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 17.31 จุด (1.25 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,370.26 จุด

ท่ามกลางความกังวลต่อเศรษฐกิจของจีน นักลงทุนเพิกเฉยต่อข่าวดีเกี่ยวกับรายงานผลประกอบการยักษ์ใหญ่แห่งในวอลล์สตรีท โดยเฉพาะ 2 ธนาคารรายใหญ่ อย่าง เจพี มอร์แกน ที่เผยว่ามีกำไรในไตรมาสแรกถึง 5,400 ล้านดอลลาร์ ส่วน เวลล์ส ฟาร์โก ก็มีกำไรช่วง 3 เดือนแรกของปีที่ 4,200 ล้านดอลลาร์

ด้านหุ้นของกูเกิล พุ่งขึ้นถึงร้อยละ 2.4 ก่อนหน้าการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรก และหลังจากปิดตลาดแล้ว บริษัทแห่งนี้ก็แถลงว่าพวกเขามีกำไรเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถึง 24 เปอร์เซ็นต์ มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้