เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - ผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติจีนเผยว่า อัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนของจีนขณะนี้ปรับตัวใกล้สู่จุดที่เรียกว่าเป็นกลางต่อค่าเงินต่างชาติแล้ว พร้อมกับปฏิเสธคำร้องขอจากสากลประเทศที่ให้จีนเร่งการขึ้นค่าเงิน
นายโจว เสี่ยวชวน ผู้ว่าการแบงก์ชาติหรือธนาคารประชาชนของจีน แถลงว่าจะไม่สนใจคำร้องขอจากต่างชาติที่จะให้จีนขึ้นค่าเงินหยวน แม้ว่าจีนเพิ่งประสบสภาวะขาดดุลการค้าครั้งใหญ่สุดในรอบ 20 ปีเมื่อเดือนที่ผ่านมาก็ตาม
“ปัจจัยตลาดนั้นถือว่ามีบทบาทใหญ่สุดในการตัดสินใจปรับอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินหยวนจีน เราต้องการเวลามากขึ้นเพื่อให้รู้แนวโน้มของการพัฒนาต่อไป” โจวกล่าวในระหว่างการแถลงข่าวบริเวณด้านข้างของการประชุมสภาผู้แทนประชาชน อันเป็นองค์กรนิติบัญญัติของแผ่นดินใหญ่ด้วย “เป้าหมายระยะยาวของเราก็คือการสร้างระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่แปรผันตามตลาดมากขึ้น”
วานนี้ (12 มี.ค.) ธนาคารกลางจีนกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเคลื่อนไหวจากค่ากลางเงินหยวนไว้ที่ 6.3282 หยวนต่อดอลลาร์ ต่ำกว่าเมื่อวันศุกร์ที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 6.3073 หยวนต่อดอลลาร์ และถือว่าแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน
โจวเผยว่า ยอดเสียเปรียบดุลการค้ามีผลกระทบเชิงบวกต่ออัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนอยู่ด้วย แต่ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะอธิบายได้
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา กรมศุลกากรจีนเผยว่า การนำเข้าของจีนเพิ่มขึ้น 39.6 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อนหน้า ส่วนการส่งออกขยายตัวอยู่ที่ 18.4 เปอร์เซ็นต์ปีต่อปี ตัวเลขนี้ทำให้เกิดการเสียเปรียบดุลการค้ามูลค่าสูงถึง 31,480 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนก.พ. ซึ่งถือว่าสูงสุดนับแต่ปี 2533
โจวชี้ว่า “ขณะนี้ก็ยังตัดสินง่าย ๆ ไม่ได้ว่า ค่าเงินหยวนควรจะหยุดแข็งค่าตอนนี้หรือไม่”
ปักกิ่งและวอชิงตันมีปัญหาดุลการค้ากันมาเนิ่นนาน นักการเมืองและผู้ผลิตอเมริกัน กล่าวโทษจีนว่า หนุนหลังค่าเงินหยวนให้อ่อนค่าเกินจำเป็นเพื่อช่วยผู้ส่งออกของจีน
เสิน เจียนกวง นักเศรษฐศาสตร์แห่ง Mizuho Securities เผยว่า เขาเชื่อว่าการแข็งค่าเงินหยวนอาจเกิดขึ้น หลังจากจีนไม่มีแรงกดดันเรื่องการเสียเปรียบดุลการค้าแล้ว “เราเชื่อว่าค่าเงินหยวนจะแข็งค่าขึ้นมากสุด 3 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ และขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่จะทำให้ค่าเงินหยวนของจีนมีความยืดหยุ่นมากขึ้น”
โจวและเจ้าหน้าที่คนอื่นกล่าวว่า ธนาคารกลางฯ จะจับตาวิกฤติหนี้ในยุโรปอย่างใกล้ชิด ตลอดจนปัจจัยระหว่างประเทศอื่น ๆ ซึ่งอาจกระทบต่อเศรษฐกิจจีน โจวชี้ด้วยว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกอย่างช้า ๆ และสถานการณ์เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ในยุโรปอาจเป็นปัญหาใหญ่สุดของเศรษฐกิจจีนในปีนี้
นายอี้ กัง รองผู้ว่าการธนาคารฯ และผู้อำนวยการด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของรัฐบาลจีน ย้ำว่า จีนมีจุดยืนมายาวนานว่าจะสนับสนุนให้ยุโรปใช้ความพยายามของตนเองในการแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ
อี้ชี้ว่า จีนยังคงมั่นคงในนโยบายการถือครองเงินตราต่างประเทศที่หลากหลาย จีนยังคงถือสกุลยูโรไว้อยู่ และอาจจะเพิ่มการถือเงินเยนของญี่ปุ่นขึ้นอีกก็เป็นได้