รอยเตอร์ส - นายสี จิ้นผิง รองประธานาธิบดีจีน หารือกับบรรดาผู้นำสหรัฐฯ เพื่อประสานความร่วมมือกันอย่างลึกซึ้งทั้งในประเด็นการค้า และประเด็นร้อนอย่างเกาหลี และอิหร่าน แต่สงวนไม่ให้สหรัฐฯ มาก้าวก่ายประเด็นทิเบต ไต้หวัน
รายงานข่าวกล่าวว่า ว่าที่ผู้นำรุ่นถัดไปของจีน ได้กล่าวในการพบปะกับ นายบารัก โอบามา พร้อมกับบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูง และกลุ่มนักธุรกิจสหรัฐฯ ว่า จีน-สหรัฐฯ จะร่วมกันสร้างความสัมพันธ์ที่ดีอันจำเป็นยิ่งต่อศตวรรษที่ 21นี้" โดยสี จิ้นผิง ยังได้กล่าวว่า มีประเด็นที่สองชาติ จะต้องสงวนท่าทีเพื่อหลีกเลี่ยงความไม่เข้าใจ และอาจไปจนถึงเข้าใจกันผิด โดยต่างจะให้เกียรติต่อกันในประเด็นที่ต่างฝ่ายต่างเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่"
การเยือนสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ นับว่าเป็นโอกาสของการ “สร้างความเชื่อมั่นระหว่างกัน” และเพื่อพัฒนา “หุ้นส่วนความร่วมมือ” ระหว่างสองประเทศ พร้อมกับเปิดทางสำหรับสี่ จิ้นผิงในการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ ในปลายปีนี้ เช่นเดียวกับขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดีจีน ในปี 2556
ขณะที่ ประธานาธิบดีโอบามา ซึ่งเดินสายพบประชาชน ก็ได้กล่าวที่ มิลวอกี รัฐวิสคอนซิน ว่า ในความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ นั้น ก็ยังคงต้องอยู่บนพื้นฐานที่ว่า เขาคงไม่นิ่งดูดายหากจีนไม่เล่นตามกติกาการค้า ซึ่งเขากล่าวกับบรรดาคนงานโรงงานแห่งหนึ่ง ว่าได้มอบหมายให้มีหน่วยงานการค้าระหว่างประเทศ ติตตามพฤติกรรมไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์การค้าระหว่างประเทศต่างๆ ซึ่งรวมถึงจีนด้วย
รายงานข่าวกล่าวว่า สี่ จิ้นผิง ได้เดินทางไปพบกับ นายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร และ แฮร์รี่ เรด วุฒิสมาชิก เมื่อเช้าวันพุธ และจะเดินทางต่อไปที่ไอโอวา ก่อนจะสิ้นสุดการเยือนสหรัฐฯ ที่ลอสแอนเจลิส โดยประเด็นที่มีการพูดถึงในการเยือนเหล่านี้ ยังมีประเด็นนโยบายเงินหยวนที่ถูกสมาชิกสภานิติบัญญัติ สหรัฐฯ วิจารณ์ว่า ค่าเงินหยวนนั้น ต่ำกว่าความเป็นจริงมาก ทำให้ผู้ประกอบการจีนได้เปรียบจากราคาที่ไม่เป็นธรรม จนทำให้ปี พ.ศ. 2554 สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับจีนมากเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 295,500 ล้านดอลลาร์
ด้าน รองปธน.จีน บอกว่า ความจริงจีนได้เริ่มปฏิรูปเงินหยวนแล้ว ซึ่งก็ช่วยให้ในปี 2554 สหรัฐฯ สามารถส่งสินค้าออกมายังจีนได้มากกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ และยอดการค้าเกินดุลของจีนนั้น โดยรวมลดลงมาก อีกทั้งจีนก็กลายเป็นตลาดส่งออกที่เติบโตเร็วที่สุดของสหรัฐฯ เช่นกัน นอกจากนั้น ถ้าเทียบตัวเลขดุลการค้ากับสัดส่วนจีดีพี จะเห็นว่าลดลงจากร้อยละ 7 มาอยู่ที่ ร้อยละ 2 ซึ่งเป็นตัวเลขที่สมเหตุผล ยอมรับกันทั่วไปในระดับสากล"
กระนั้นก็ตาม นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐ เปิดเผยว่า ถึงจีนจะปล่อยค่าเงินหยวนบ้างแล้ว แต่ยังไม่มากพอ ไม่เร็วพอ