รอยเตอร์ - จีนตัดสินจำคุกนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลตัวยง ก่อนหน้าการเยือนสหรัฐฯ ของรองประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ซึ่งคาดกันว่าจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำแดนมังกรคนต่อไป
นายจู อี๋ว์ฟู ถูกศาลในเมืองหังโจวพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 7 ปี โทษฐานยุยงปลุกปั่นให้เกิดการโค่นล้มอำนาจของรัฐเมื่อวันศุกร์ (10 ก.พ.) หลังจากมีการพิจารณาไต่สวนคดีเมื่อวันที่ 31 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยตามสำนวนฟ้องของอัยการระบุว่า จำเลยได้ส่งบทกวี ซึ่งมีชื่อว่า “ถึงเวลาแล้ว”ทางอินเทอร์เน็ต รวมทั้งข้อความปลุกระดมให้ประชาชนออกมาชุมนุม ในบทกวีชิ้นนี้ มีข้อความตอนหนึ่งว่า
“ถึงเวลาแล้ว ประชาชนจีน! ถึงเวลาแล้ว จัตุรัสเป็นของชนทั้งผอง”
การอ้างถึงคำว่า “จตุรัส” อาจปลุกความทรงจำของชาวจีนมากมายถึงเหตุการณ์ปราบปรามนักศึกษาที่จตุรัสเทียนอันเหมินในกรุงปักกิ่งเมื่อปีพ.ศ. 2532 แม้ในบทกวีมิได้เอ่ยถึงเรื่องนี้ตรง ๆ ก็ตาม
ด้านบุตรชายของนายจู ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้าฟังการพิจารณาคดี พร้อมกับมารดา ระบุถึงเหตุผลของศาลว่า เนื่องจากเป็นการก่ออาชญากรรม ที่ร้ายแรง จำเลยจึงสมควรถูกลงโทษอย่างหนัก
อย่างไรก็ตาม ขณะถูกนำตัวออกจากห้องพิจารณาคดี นายจูได้หยุดเดิน และบอกกับบุตรชายว่า เขาต้องการยื่นอุทธรณ์
นายจู วัย 59 ปี ถูกตัดสินจำคุก หลังจากเพิ่งมีการจำคุกนักต่อต้าน 2 คนเมื่อเดือนธ.ค. เป็นเวลา 9 และ 10 ปี โทษฐานโค่นล้มอำนาจรัฐ โดยก่อนหน้านี้ เนื่องจากเป็นนักเคลื่อนไหวฝีปากกล้า นายจูเคยถูกคุมขังในเรือนจำมาแล้วเป็นเวลา 7 ปี ตั้งแต่ปี 2542 และเมื่อพ้นโทษ เขาก็ต้องเดินกลับเข้าประตูคุกอีกครั้งในปี 2550 เพื่อรับโทษเป็นเวลา 2 ปี
การพิพากษาจำคุกนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยคนล่าสุดในจีนนี้เกิดขึ้น ก่อนหน้าที่รองประธานาธิบดีสี จะเดินทางไปเยือนทำเนียบขาวในวันจันทร์ (13 ก.พ.) และคาดว่า ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในจีนจะเป็นประเด็นใหญ่ในการหารือระหว่างเขากับรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน โดยเฉพาะกรณีการเข้าปราบปรามเขตปกครองตนเองทิเบต ภายหลังการประท้วงโดยการเผาตัวตายของลามะทิเบตหลายครั้งเมื่อเร็ว ๆ นี้
นอกจากนั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังแถลงแสดงความไม่สบายต่อการตัดสินโทษของนายจู พร้อมกับเรียกร้องให้ปล่อยตัวนายจูและนักเคลื่อนไหวคนอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม ด้านนักการทูตระดับสูงของจีนได้แถลงเกี่ยวกับการเยือนของนายสีว่า รัฐบาลจีนจะไม่ยินดี หากถูกรัฐบาลของประธานาธิบดีบารัก โอบาม่าวิพากษ์วิจารณ์ในที่สาธารณะเกี่ยวกับประเด็นสิทธิมนุษยชน
ทั้งนี้ เกือบเป็นที่แน่นอนแล้วว่า รองประธานาธิบดีสีจะดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนต่อจากประธานาธิบดีหู จิ่นเทาในปลายปีนี้ และตำแหน่งประธานาธิบดีในต้นปีหน้า