รอยเตอร์ - จีนตั้งเป้าค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำเพิ่มเฉลี่ยอย่างน้อยร้อยละ 13 ต่อปีในช่วงเวลา 5 ปี จนถึงปี 2558 โดยระบุอยู่ในแผนการจ้างงานของรัฐบาล ซึ่งเผยแพร่ทางเว็บไซต์ของรัฐบาลเมื่อวันพุธ (8 ก.พ.)
การขึ้นค่าจ้างแรงงานเป็นหัวใจสำคัญในแผนการจ้างงาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติระยะ 5 ปี ฉบับที่ 12 ของจีน
ปัจจุบันค่าแรงขั้นต่ำในจีนอยู่ระหว่าง 1,500 หยวนต่อเดือนในนครเสิ่นเจิ้น ถึง 870 หยวนต่อเดือนในนครฉงชิ่ง โดยรัฐบาลปักกิ่งต้องการให้ค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำอยู่ที่ร้อยละ 40 ของอัตราเงินเดือนโดยเฉลี่ยในท้องถิ่น
ขณะนี้ภาคการผลิตสำคัญ เพื่อการส่งออกของจีนกำลังประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงาน จึงต้องการแรงงานอพยพหลายล้านคนมาอุดช่องว่าง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลคาดว่าจะเกิดแรงกดดันจากปริมาณแรงงานโดยรวม ที่ล้นเกินในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ รัฐบาลจีนมีความละเอียดอ่อนในการวางนโยบายและจัดการเกี่ยวกับการจ้างงานในประเทศ เนื่องจากเกรงว่า อาจส่งผลให้เกิดการจลาจลวุ่นวายขึ้นได้ และรัฐบาลปักกิ่งไม่เคยรายงานอัตราการว่างงานในประเทศ นอกจากนั้น ยังเพิ่งยอมรับว่ามีการว่างงานในประเทศเมื่อช่วงปลายทศวรรษ 1990 มานี้เอง
ในแผนการจ้างงานนี้ยังเรียกร้องให้ผู้วางแผนนโยบายการเงินและอุตสาหกรรมทุกระดับเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับปัญหาความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการว่างงานอีกด้วย
จากสถิติประชากรของสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนระบุว่า ประชากรจีนกำลังมีผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว และแรงงานในชนบทกำลังลดน้อยลง ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์หลายคนอ้างว่าเป็นเหตุผลพื้นฐาน ที่ทำให้ค่าจ้างแรงงานพุ่งสูงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยอัตราค่าจ้างแรงงานเฉลี่ยต่อเดือนของแรงงานอพยพจำนวน 158 ล้านคนในจีนเมื่อปีที่แล้วเพิ่มร้อยละ 21.2 จากปีก่อนหน้าเป็น 2,049 หยวน
นอกจากนั้น ข้อมูลของทางการยังระบุด้วยว่า ในช่วง 5 ปี ตั้งแต่ปี 2549-2553 ค่าอัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 12.5 ต่อปี
