เอเยนซี - ประธานาธิบดีหู จิ่นเทาของจีน เขียนบทความลงนิตยสารฉิวซื่อของพรรคคอมมิวนิสต์จีนระบุว่า ชาติตะวันตกพยายามทำให้จีนเป็นอย่างโลกตะวันตก และพยายามแบ่งแยกจีนด้วยอุดมคติและวัฒนธรรม
นิวยอร์กไทม์ส รายงานวันที่ 3 ม.ค. อ้างบทความของประธานาธิบดีหู จิ่นเทาของจีน ที่กล่าวว่า จีนต้องตระหนักถึงภัยคุกคามของชาติตะวันตก ที่กำลังใช้วัฒนธรรมและอุดมคติทางการเมืองเป็นเครื่องมือในการแบ่งแยกจีน
"เราจำเป็นต้องตระหนักถึงสิ่งนี้ และต้องเตรียมการให้พร้อมรับมือกับการรุกคืบที่กำลังมีมา พร้อมทั้งรักษาวัฒนธรรมของชาติ เผยแพร่ค่านิยมแห่งอุดมการณ์สังคมนิยมในแบบของจีนให้โลกได้รู้จัก"
รายงานข่าวกล่าวว่า การประกาศของประธานาธิบดีจีนในครั้งนี้ เปรียบเสมือนการขีดเส้นแบ่งกั้นระหว่างวัฒนธรรมตะวันตกกับจีน โดยบทความนี้ได้เผยแพร่ในนิตยสาร ฉิวซื่อ โดยคำว่า 'ฉิวซื่อ' นี้ มีความหมายว่า ค้นหาสัจจะ ซึ่งก่อตั้งโดยประธานเหมาเจ๋อตง อันมีวัตถุประสงค์เผยแพร่หลักการของพรรคคอมมิวนิสต์
รายงานข่าวกล่าวว่า สัญญาณแห่งความกังวลเกี่ยวกับการรุกคืบของวัฒนธรรมตะวันตก โดยเฉพาะวัฒนธรรมบันเทิงเริ่มเข้ามามีอิทธิพลในจีนเริ่มทวีมากขึ้น แม้กระทั่งล่าสุด ภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในจีน ก็เป็น “Avatar” and “Transformers 3” รวมถึงความนิยมดนตรีป็อปของเลดีกาก้า ดังนั้นนัยยะของคำแถลงนี้อาจมีผลต่อการจำกัดนำเข้าสินค้าทางวัฒนธรรมของตะวันตก ซึ่งปัจจุบันจีนก็ได้จำกัดโควต้าให้กับภาพยนตร์ต่างประเทศไว้เพียง 20 เรื่องเท่านั้น แม้ว่าบรรดาค่ายยักษ์จากฮอลลีวูดจะพยายามต่อรองเพื่อให้เพิ่มโควต้าอยู่เสมอมา
แนวโน้มต่อไปนี้ จึงอาจจะออกมาในรูปแบบของการสนับสนุนผู้ผลิตจีนให้มีความแข็งแกร่งในการสร้างงานวัฒนธรรมของตนเองมากขึ้น ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่หนังสือสื่อสิ่งพิมพ์ ไปจนถึงการแสดงคอนเสิร์ตดนตรีต่างๆ
บรรดานักลงทุนอาจมองว่า นี่เป็นสัญญาณที่ดีในการกระตุ้นอุตสาหกรรมในประเทศ แต่อีกด้านหนึ่งนโยบายนี้ อาจมีผลต่อศิลปินผู้ผลิตงาน ที่อาจจะถูกจำกัดเสรีภาพในการแสดงออก ด้วยมาตรการเซ็นเซอร์ทางวัฒนธรรมที่รัฐบาลรับไม่ได้เช่นกัน และบางทีปัจจัยเหล่านี้เอง ที่กลายเป็นเครื่องกั้นขวางขีดความสามารถของผู้ผลิตจีน
ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนสิงหาคม ปีที่แล้ว กระทรวงวัฒนธรรมจีนก็ได้สั่งแบน เว็บไซต์เพลงราว 100 เพลงของบรรดาศิลปินชื่อดังต่างๆ ตั้งแต่ เลดี้กาก้า ไปจนถึงวงแบ็กสตรีทบอยส์ เพื่อควบคุมระเบียบของตลาดเพลงบนอินเทอร์เน็ต และเพลงที่เข้าข่ายคุกคามความมั่นคงของรัฐจะถูกขจัดและควบคุมภายใต้กฎหมายจีน
รายงานข่าวกล่าวว่า ในเวลาเดียวกันกับการปิดกั้น จีนก็ได้พยายามที่จะรุกแลกอิทธิพลทางวัฒนธรรมของตน หรือที่เรียกว่า "อำนาจละมุน" โดยการเปิดสถาบันขงจื่อทั่วโลก เผยแพร่การเรียนการสอนภาษาจีน และสนับสนุนการเงินแก่หน่วยงานสื่อของรัฐ อาทิ สำนักข่าวซินหวา ซีซีทีวี ในการขยายเครือข่ายไปทั่วโลก เพื่อแบ่งพื้นที่กับองค์กรสื่อยักษ์ใหญ่ของบรรดาชาติตะวันตก