เอเยนซี - สื่อจีนรายงานวันที่ 27 พ.ย. ยอดบริจาคโลหิตให้กับกาชาดในกรุงปักกิ่ง ลดลงถึงขั้นขาดแคลน จากเหตุอื้อฉาวเกี่ยวกับทุจริตในกาชาดจีน ส่งผลให้ผู้คนเห็นด้านมืดในองค์กรนี้ และงดบริจาคทั้งโลหิตและเงินจนกว่าจะค้นพบความจริง
สืบเนื่องจากกรณีข่าวสุดอื้อฉาว ที่แพร่หลายในสื่อสังคมออนไลน์ของจีนในช่วงปลายเดือนมิถุนายน ต่อเนื่องมาจนถึงต้นเดือนกรกฎาคม 2554 เป็นข่าวของหญิงสาววัย 20 ปี ผู้หนึ่งที่ใช้นามแฝงในเวยปั๋วว่า “กัว เหมยเหม่ยเบบี้ (郭美美baby)” โดยเธอใช้โลกไซเบอร์เพื่อโพสต์อวดวิถีชีวิตอันแสนหรูหราของตัวเองให้ประชาชนทั่วไปได้ดู จนกระทั่งวันหนึ่งมีชาวเน็ตมาพบเข้าและตั้งข้อสงสัยว่าหญิงสาววัยเพียง 20 ปีผู้นี้เอาเงินมาจากที่ไหนเยอะแยะเพื่อบำรุงบำเรอตัวเองและครอบครัว
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในวันที่ 20 มิถุนายน โดยมีชาวเน็ตจีนผู้หนึ่งไปค้นพบกับวัยรุ่นสาวผู้หนึ่งที่ใช้ชื่อในเวยป๋อ “กัว เหมยเหม่ยเบบี้” เพื่อโพสต์ข้อความและรูปของตัวเองขึ้นในโลกไซเบอร์ จนภาพและข้อความดังกล่าวของกัว เหมยเหม่ยได้ถูกชาวเน็ตจีนส่งต่อไปทั่วในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมง ในเวลาเดียวกันชาวเน็ตจีนก็ช่วยกันขุดค้นข้อมูลในอดีตของหญิงสาวผู้นี้ ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไรจึงมีฐานะร่ำรวยเช่นนี้ โดยเธอมิเพียงเป็นเจ้าของรถสปอร์ตมาเซราตีราคาคันละกว่า 2.3 ล้านหยวน (ราว 11.5 ล้านบาท) แต่ปรากฏหลักฐานเป็นอัลบั้มภาพเธอกับรถสปอร์ตราคาแพงอย่างลัมโบกินีสีส้ม และมินิคูเปอร์สีแดงอีกด้วย
จากการอ้างตัวว่าเป็นผู้จัดการทั่วไปของส่วนการพาณิชย์สภากาชาดจีนด้วยวัยเพียง 20 ปี ทำให้เมื่อเรื่องของสาวหมวยชาวจีนผู้นี้แพร่หลายออกไป ทางสภากาชาดจีนจึงต้องออกแถลงการณ์ปฏิเสธถึงความเกี่ยวพันกับเธอ พร้อมปฏิเสธว่าทางสภากาชาดจีนไม่มีส่วนการพาณิชย์ ไม่มีตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปส่วนการพาณิชย์ รวมถึงไม่มีพนักงานชื่อกัว เหมยเหม่ย
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวกลับไม่จบแค่นั้นเมื่อชาวเน็ตในจีนเข้าไปติดตามการโพสต์ของเธอโดยหลังจากนั้นไม่ถึงสัปดาห์เวยป๋อ “กัว เหมยเหม่ยเบบี้” ก็มีแฟนๆ ติดตามมากถึง 335,000 คน นอกจากนี้ยังมีการสืบค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับหญิงสาวผู้นี้ต่อไปโดยมีการเปิดเผยหลักฐานว่า หญิงสาวผู้นี้เคยเป็นนางแบบให้กับค่ายรถยนต์ภายใต้กลุ่มบริษัทเทียนเลี่ยว์ (天略) และมีความรู้จักมักคุ้นกับผู้บริหารระดับสูงของเทียนเลี่ยว์ และโดยช่องทางนี้เองที่ทำให้ กัว เหมยเหม่ยได้รู้จักกับ กัว ฉางเจียง รองประธานสภากาชาดจีน
สภากาชาดจีนต้องออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 ระบุว่าการทางสภากาชาดจีนไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ กับกัว เหมยเหม่ย และการที่หญิงสาวผู้นี้นำชื่อของสภากาชาดจีนไปอ้างอิง ทำให้เกิดความเสียหายกับองค์กรอย่างมาก โดยทางสภากาชาดจีนได้แจ้งความและยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับ กัว เหมยเหม่ยอย่างเต็มที่ ขณะที่ช่วงบ่ายของวันที่ 26 มิ.ย. กัว เหมยเหม่ยได้โพสต์ข้อความในเวยป๋อของตัวเอง 3 ข้อความ ระบุว่าตัวเองขอโทษที่แอบอ้างชื่อสภากาชาดจีนจนทำให้เกิดความเสียหาย
จากข้อมูลของสำนักข่าวซินหัวระบุว่า ในปีที่ผ่านมา (2553) ชาวจีนบริจาคเงินให้การกุศลทั้งสิ้นราว 70,000 ล้านหยวน (ราว 350,000 ล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า (2552) ที่ชาวจีนบริจาคเงินเพื่อการกุศลทั้งสิ้น 54,000 ล้านหยวน (ราว 270,000 ล้านบาท)
ข่าวคราวเล็กๆ จากโลกสังคมออนไลน์ดังกล่าว ก่อให้เกิดผลกระทบไปในวงกว้างของสังคมจีน โดยเฉพาะหน่วยงานและมูลนิธิที่รับบริจาคในจีน เนื่องจากชาวจีนแสดงความไม่พอใจอย่างมากกับเรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้น และสงสัยว่าเจ้าหน้าที่รัฐ ในองค์กรที่ขึ้นกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนอย่างสภากาชาดจีน น่าจะมีการทุจริตกันภายในอย่างมโหฬาร
โดยล่าสุดนี้ เป่ยจิงนิวส์ รายงานวันที่ 27 พ.ย.ว่า การบริจาคโลหิตให้กับกาชาดในปักกิ่งลดลงร้อยละ 30 - 40 ซึ่งเป็นเรื่องที่ศูนย์โลหิตปักกิ่ง กำลังวิตก หลังความศรัทธาต่อองค์กรการกุศลนี้ของจีนตกต่ำลงอย่างมาก