เอฟดีไอจีนยังแข็งแกร่ง แต่ภาพรวมการส่งออกซบเซา

รอยเตอร์ - ยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างฃาติ (FDI) ของจีนเพิ่มเกือบ 16 % ในรอบ 10 เดือนแรกของปีนี้ เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยนักลงทุนจากชาติยังคงแห่เข้ามาลงทุนในชาติที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 2 แห่งนี้ แม้ภาวะเศรษฐกิจโลกกำลังย่ำแย่

กระทรวงพาณิชย์ของจีนระบุเมื่อวันพุธ (16 พ.ย.) ว่า ยอด FDI ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้มีจำนวน 95,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับเพิ่ม 15.9 % จากช่วงเดียวกันของปี 2553 ส่งผลให้การไหลเข้าของFDI ในจีนกำลังทำสถิติใหม่อีกปีหนึ่ง

เฉพาะในเดือนต.ค. จีนสามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างชาิติได้จำนวน 8,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่ม 8.75 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ การลงทุนที่ไหลเข้าจีนพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง หลังจากจีนเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกในปี 2544 และฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง หลังจากจีนได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวเมื่อไม่นาน

FDI จากชาติรายใหญ่ในเอเชีย และจากภูมิภาคต่าง ๆ 10 ชาติ เพิ่มขึ้น 20.7 ระหว่างเดือนม.ค.- ต.ค. เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยการลงทุนจากญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นถึง 65.5 %

ขณะที่การลงทุนจากสหรัฐฯ ลดลง 18.1 % ในช่วงเดียวกัน ส่วนการลงทุนจากสหภาพยุโรป หรืออียูขยับขึ้นมาเล็กน้อย 1.1 % ซึ่งชี้ให้เห็นถึงปัญหาเศรษฐกิจ ที่กำลังเกิดขึ้นในอียู

บริษัทต่างชาติเ้ข้ามาลงทุนในภาคบริการจำนวน 44,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่ม 20.7 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และภาคการผลิตมีจำนวน 43,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในรูปการเข้ามาลงทุนของกองทุนต่าง ๆ

ขณะเดียวกันการออกไปลงทุนในต่างประเทศของจีนก็เพิ่มขึ้น 14.1 % เป็นมูลค่า 46,300 ล้านดอลาร์ในช่วง 10 เดือนแรกเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรัฐบาลจีนส่งเสริมให้บริษัทของจีนออกไปลงทุนในต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแข่งขัน และช่วยลดแรงกดดันต่อค่าเงินหยวนจากการที่เม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติไหลเข้าจีนอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ของจีนเตือนว่า ภาพรวมการส่งออกของจีนในช่วงที่เหลือของปีนี้ และต่อเนื่องไปจนถึงช่วงต้นของปีหน้ายังคงซบเซา เนื่องจากยุรโปยังไม่สามารถแก้ไขวิกฤตหนี้สาธารณะ และสหรัฐฯ ยังคงหาทางกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ที่อ่อนแรงของสหรัฐฯ

ทั้งนี้ ประธานาธิบดี บารัก โอบาม่าของสหรัฐฯ กล่าวในการประชุมสุดยอดเอเปกที่ฮาวายเมื่อสุดสัปดาห์ว่า การอ่อนค่าเกินจริงของเงินหยวนทำให้ราคาสินค้าส่งออกของจีในตลาดโลกถูกลง 20-25 % แต่ประธานาธิบดี หู จิ่นเทายืนยันว่า การแข็งค่าอย่างมากของเงินหยวนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาการค้าและการว่างงานของสหรัฐฯ ได้