รอยเตอร์ -- ผลการสำรวจปัญหาที่ดินทั่วประเทศจีนตีพิมพ์ในนิตยสารของรัฐบาลจีน ระบุว่า ปัญหาขัดแย้งไล่ที่ในชนบทจีนกำลังทุบสถิติสูงสุดในแผ่นดินแดนมังกร และกำลังขยายตัวไปยังพื้นที่ด้อยพัฒนาแถบชนบทฝั่งตะวันตกของประเทศ
ความไม่พอใจทวีขึ้นเนื่องจากมีการบีบบังคับรื้อถอนบ้านอาคารที่ไม่ยอมโยกย้าย กอปรกับปัญหาคอร์รัปชั่นที่เพิ่มสูงขึ้นในวงเจ้าหน้าที่จีน อาจจะกลายเป็นปัญหาสำหรับพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งใกล้จะมีการเปลี่ยนแปลงผู้นำ โดยในปีหน้าจีนจะต้องเปลี่ยนผู้นำ โดยประธานาธิบดีหู จิ่นเทาของจีนจะต้องหมดวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี และจะมีผู้นำรุ่นใหม่มาสืบทอดต่อไป
นิตยสารเอาท์ลุ้ค วีกลีย์ ของซินหวา เผยว่า ผลสำรวจจาก 1,700 ครัวเรือนใน 6 มณฑลของจีน พบว่า ปัญหาขัดแย้งการถือสิทธิ์ครอบครองที่ดินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางการพัฒนาอย่างรวด และเป็นปัญหานำหลักให้เกิดความไม่สงบในชนบท
ดร.ตง เซียวตาน แห่งมหาวิทยาลัยประชาชน (เหรินหมินต้าเสวีย) ผู้รับผิดชอบโครงการสำรวจฯ เผยว่า "นับแต่ครึ่งปีหลังของปี 2545 จีนก็ได้ก้าวเข้าสู่ยุคการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รั้งไม่หยุดฉุดไม่อยู่ และปัญหานี้มักจะกระจายมาจากทางแถบตะวันออกเข้าสู่แถบตะวันตกของประเทศ"
ในเดือนก.ย. ชาวหมู่บ้านหลายพันคนทางตอนใต้ของจีน ก่อจลาจลที่เมืองลู่เฟิง และเข้าปล้นสะดมทรัพย์สินของรัฐบาลท้องถิ่น ซึ่งเป็นความโกรธเกรี้ยวอันเนื่องมาจากปัญหาไล่ที่
ปัญหาขัดแย้งไล่ที่กำลังเป็นสิ่งที่ปะทุในปัจจุบันของจีน ยิ่งที่ดินมีราคาแพงมากขึ้นเท่าไร ยิ่งยั่วยวนใจให้เกิดการคอร์รัปชั่นในวงเจ้าหน้าที่ของรัฐ และนำมาสู่เครือข่ายอุปถัมภ์ระหว่างเจ้าหน้าที่กับนักธุรกิจที่กระหายต่อการนำที่ดินมาทำการพัฒนา
สถิติของเจ้าหน้าที่จีนเกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งในชนบทนั้นยากที่จะเปิดเผย แต่อดีตผู้บริหารของหนังสือพิมพ์พีเพิลส์เดลี เผยว่า จำนวนปัญหาขัดแย้งของมวลชนในจีน เฉพาะที่เกี่ยวกับปัญหาความวุ่นวายในสังคมนั้นมีเกิน 90,000 ครั้งต่อปี นับจากปี 2550 ถึงปี 2552