เอเอฟพี / ซินหวา - อู๋ ปังกั๋ว เจ้าหน้าที่ระดับสูงจีน ปฏิบัติภารกิจเยือนเบลารุส พร้อมประกาศว่าจีนได้ปล่อยกู้จำนวน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐแก่เบลารุส และอนุมัติงบประมาณช่วยเหลืออีกราว 11 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สื่อรายงาน(19 ก.ย.)ว่า อู๋ ปังกั๋ว ประธานคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน ได้ปฏิบัติภารกิจเยือนประเทศเบลารุสตั้งแต่เมื่อวันเสาร์(17 ก.ย.) พร้อมกับเข้าพบปะหารือกับนายมิคาอิล มยาสนิโควิช นายกรัฐมนตรีเบลารุส ณ กรุงมินสก์ ในวันอาทิตย์(18 ก.ย.)
ในการประชุมหารือครั้งนี้ อู๋และมยาสนิโควิช ได้หารือประเด็นความร่วมมือทางเศรษฐกิจจีน-เบลารุส พร้อมทั้งลงนามข้อตกลงความร่วมมือในด้านต่างๆ 9 ฉบับ อาทิ เศรษฐกิจ เทคโนโลยี และการสร้างเขตอุตสาหกรรม
อู๋ เผยระหว่างงานประชุมว่า “รัฐบาลจีนสนับสนุนให้บรรษัทจีนทั้งหลายลงทุนในต่างประเทศ รวมทั้งร่วมพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและโครงการสำคัญต่างๆของเบลารุส นอกจากนี้เราต้อนรับบรรดาบริษัทจากเบลารุสให้เข้ามาลงทุนในจีนเช่นกัน”
“ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความร่วมมือระหว่างจีนและเบลารุสขยายตัวอย่างรวดเร็ว ปริมาณการค้าระหว่างสองประเทศเพิ่มขึ้นมากกว่าในอดีตเกือบ 20 เท่า อย่างไรก็ตามความร่วมมือทางการค้าระหว่างจีน-เบลารุสยังก่อให้เกิดผลประโยชน์ได้มากกว่านี้ ซึ่งทั้งสองฝ่ายจำเป็นต้องดำเนินนโยบายอย่างรอบคอบ เน้นเพิ่มการลงทุนมากขึ้น ขยายช่องทางการเงิน และส่งเสริมให้มีการลงทุนโดยตรงเพิ่มอีก อีกทั้งควรขยายความร่วมมือด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีมากขึ้น”
ขณะที่ มยาสนิโควิช ได้เผยว่า “เบลารุสหวังที่จะเรียนรู้การสร้างเขตพัฒนาเศรษฐกิจจากจีน พร้อมทั้งต้องการร่วมมือกับจีนในด้านต่างๆ อาทิ การผลิตเครื่องจักรกล ทรัพยาแร่ โครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน อุตสาหกรรมการบินและอวกาศ และส่งเสริมให้มีการร่วมมือด้านการลงทุนระหว่างกันมากขึ้น”
พร้อมเผยว่า “เราพร้อมสร้างสภาพการลงทุนที่ดีเพื่อต้อนรับบรรดาบริษัทจีนให้เข้ามาลงทุนในเบลารุสมากขึ้น”
นอกจากนี้ในวันอาทิตย์(18 ก.ย.) อู๋ ได้เข้าร่วมพิธีเปิดสถาบันขงจื่อในมหาวิทยาลัยภาษาศาสตร์แห่งรัฐ ณ กรุงมินสก์
ขณะที่ รัฐสภาเบลารุสอ้างคำกล่าวของ อู๋ ปังกั๋ว ระหว่างการประชุมเมื่อวันเสาร์(17 ก.ย.) ว่า “จีนได้อนุมัติเงินกู้พิเศษจำนวน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐแก่เบลารุส และอนุมัติงบประมาณช่วยเหลืออีกราว 11 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(ราว 70 ล้านหยวน) อีกทั้งบรรลุข้อตกลงการสร้างดาวเทียมสื่อสาร พร้อมสร้างโรงงานกระดาษ และโรงแรม ในกรุงมินสก์”
ทั้งนี้ เบลารุส ซึ่งแยกตัวจากอดีตสหภาพสหภาพโซเวียตหลังจากโซเวียตล่มสลายในปี 2534 กำลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจจากการเกิดภาวะการขาดดุลงบประมาณอย่างหนัก หลังจากถลุงงบประมาณไปกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือนธ.ค.2553 ซึ่งในการเลือกตั้งดังกล่าว ลูคาเชนโก ได้คว้าชัยชนะรักษาตำแหน่งประธานาธิบดีเบลารุสได้เป็นสมัยที่ 4
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ค่าเงินเบลารุสรูเบิล อ่อนค่าลงเกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่รัฐบาลเบลารุสได้ปล่อยค่าเงินฯลอยตัวเป็นครั้งที่สองในรอบหนึ่งปี โดยข้อมูลจากรัฐบาลกลางระบุ นับตั้งแต่เดือนธ.ค.ที่ผ่านมา(2553) อัตราเงินเฟ้อของเบลารุสพุ่งสูงถึง 53.6 เปอร์เซ็นต์
