เอเยนซี - สื่อรัฐบาลจีนรายงานวันนี้ (15 ก.ย.) จีนตัดสินประหารชีวิตชาวอุยกูร์ 4 คน จำคุก 19 ปี 2 คน จากเหตุความไม่สงบในเขตปกครองตนเองอุยกูร์ซินเจียงเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลให้คำมั่นว่าจะปราบปราบการก่อการร้ายในเขตพื้นที่ตะวันตกของประเทศที่ปัญหาปะทุบ่อยครั้งนี้ให้อยู่หมัด
ซินเจียง อันเป็นภูมิภาคที่มีชาวอุยกูร์ซึ่งส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามอาศัยอยู่เป็นส่วนมาก และมักมีความเห็นไม่พอใจกฎรัฐบาลจีน ฝ่ายรัฐบาลมองว่า กลุ่มก่อการร้ายที่สร้างความไม่สงบบ่อยครั้ง กบดานฝึกฝนอยู่ในปากีสถาน
สำนักข่าวซินหวา อ้างแหล่งข่าวท้องถิ่นจากเว็บไซต์ tianshannet.com ซึ่งก็เป็นของรัฐบาลฯ ว่า “ทั้ง 4 คนถูกตัดสินประหารชีวิตเมื่อวันพุธ (14 ก.ย.) หลังจากยอมรับสารภาพในการพิพากษาก่อนหน้าวันตัดสินเพียงวันเดียว ว่าเป็นผู้วางแผนการและพัวพันกับกลุ่มก่อการร้าย ผลิตระเบิดผิดกฎหมาย ตลอดจนฆาตกรรมและวางเพลิง”
รายงานข่าวระบุว่า อีก 2 คนที่ถูกตัดสินจำคุก 19 ปีนั้น ถูกตัดสินฐานผู้สมรู้ร่วมคิดต่อเหตุความรุนแรง ดังนั้นศาลระดับกลางประจำเมืองคาสือและโฮทันจึงลดโทษทัณฑ์ลง
ซินหวารายงานว่า “การตัดสินโทษในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 18 ก.ค. ที่มีการจู่โจมสถานีตำรวจในเมืองโฮทัน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย และยังมีการโจมตีอีก 2 ครั้งเมื่อวันที่ 30 และ 31 ก.ค. ทำให้เสียชีวิตอีก 13 คน” อย่างไรก็ตาม ซินหวาไม่ได้ให้รายละเอียดคำตัดสินว่า แต่ละคนนั้นถูกตัดสินประหารชีวิตจากการทำผิดในเหตุการณ์ใดบ้าง
เท้าความเหตุรุนแรงเมื่อเดือนก.ค.
เหตุความไม่สงบหลายครั้งในซินเจียง ส่งผลให้รัฐบาลท้องถิ่นมณฑลซินเจียงให้คำมั่นแข็งขันว่าจะปราบปรามให้ได้ จีนเรียกเหตุโจมตีและปะทะในเมืองโฮทันว่าเป็นการโจมตีของ “กลุ่มก่อการร้าย” ที่บุกเข้าไปในสถานีตำรวจและสังหารไป 4 คน ซึ่งผู้เสียชีวิตมีเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย แต่นักเคลื่อนไหวบอกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการระเบิดความโกรธเกลียดของชาวอุยกูร์มากกว่า “การก่อการร้าย”
สภาอุยกูร์โลก ซึ่งมีฐานอยู่ที่เยอรมนี อ้างแหล่งข่าวในซินเจียงว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ใช้กำลังทำร้ายประชาชน 14 คนจนถึงแก่ความตาย และยิงถูกประชาชนเสียชีวิตอีก 4 คน ในเหตุจลาจล (18ก.ค.) พร้อมกับโทษรัฐบาลจีนว่า พยายามปิดกั้นข้อมูลรายละเอียดเหตุการณ์ดังกล่าว
ไม่ถึง 2 สัปดาห์หลังจากวันที่ 18 ก.ค. ความรุนแรงก็ปะทุอีกครั้งบริเวณถนนเส้นทางสายใหม่เก่าแก่ เมืองคาสือ
รัฐบาลท้องถิ่นรายงานว่า ประชาชน 7 คนถูกสังหารในวันที่ 30 ก.ค. บาดเจ็บอีก 28 คน เมื่อมีชายไม่ทราบชื่อ 2 คน ถือมีดเข้าจ้วงแทงผู้คนบริเวณตลาดกลางคืนในเมืองฯ ซึ่งชาวบ้านเห็นเหตุการณ์กรูกันรุมประชาทัณฑ์ดับไป 1 คน ส่วนอีกคนหนีรอดไปได้
ซินหวาระบุว่า เพียงวันเดียวหลังจากนั้น มีการโจมตีครั้งใหม่ในเช้าของวันอาทิตย์ (31ก.ค.) สังหารไปอีก 6 คน ซึ่งเสียชีวิตในภัตาคาร 2 คน ส่วนอีก 4 คนเสียชีวิตอยู่ด้านนอกนอนตายกระจัดกระจาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นพลเรือน 12 คน และตำรวจอีก 3 นาย ซึ่งต่อมาภัตตาคารดังกล่าวก็ถูกเผา
แต่ สภาอุยกูร์โลกรายงานว่า กองกำลังรักษาความปลอดภัยได้ยิงประชาชนตายไป 6 คน และบาดเจ็บอีก 9 คน ในเหตุการณ์วันที่ 31 ก.ค.
ข้อมูลของการรายงานข่าวฝั่งรัฐบาลจีนและสภาอุยกูร์โลกจะขัดแย้งกันอยู่เสมอ
หน่วยตำรวจปราบปรามการก่อการร้าย หน่วยคอมมานโดจีน ถูกส่งไปยังพื้นที่ในต้นเดือนส.ค. ทันที และนายจัง ชุนเสียน ประธานพรรคคอมมิวนิสต์ซินเจียงก็ลั่นว่า ให้ทำการโจมตีอย่างหนักเพื่อปราบการก่อการร้ายให้สิ้นซาก
องค์กรติดตามการก่อการร้ายสากล (SITE) เผยว่า แหล่งก่อการร้ายซึ่งเชื่อว่ากบดานในปากีสถานนั้น ได้ออกวีดีโอแสดงการสนับสนุนการโจมตีในซินเจียงในเดือนนี้ และพร้อมกับทำนายว่า ความรุนแรงเช่นนี้เกิดขึ้นอีกแน่นอน
รัฐบาลจีนเรียกกลุ่มก่อความไม่สงบในซินเจียงด้วย 3 คำว่า ลัทธิสุดโต่ง ลัทธิแบ่งแยกดินแดน และลัทธิก่อการร้าย และเชื่อว่ากลุ่มแบ่งแยกดินแดนมุสลิมในปากีสถานอยู่เบื้องหลังการโจมตีคครั้งล่าสุด
ซินเจียง เป็นพื้นที่ใหญ่เป็นสองเท่าของประเทศไทย แม้เป็นเขตแห้งแล้งยากจนแต่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ มีชายแดนติดกลุ่มประเทศเอเชียกลาง มีประชากรชนชาติอุยกูร์กว่า 8 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่นักถือศาสนาอิสลาม ซินเจียงจัดเป็นพื้นที่อ่อนไหวทางการเมืองสืบเนื่องจากความขัดแย้งทางชนชาติระหว่างอุยกูร์และชาวจีนฮั่น ความขัดแย้งยิ่งทวีอุณหภูมิสูงขึ้น หลังจากที่เกิดเหตุจลาจลระหว่างชาวจีนฮั่นและอุยกูร์ในเมืองเอกอูหลู่มู่ฉี เมื่อเดือนก.ค.ปี 2552 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 197 คน และบาดเจ็บร่วม2,000 คน นับเป็นความขัดแย้งระหว่างชนชาติที่แรงสุดในรอบหลายทศวรรษของจีน