เอเยนซี - จีนยอมรับสภาถ่ายโอนอำนาจแห่งชาติของฝ่ายกบฏ (NTC) ในฐานะรัฐบาลของลิเบียแล้ว ถัดจากรัฐบาลของมูอัมมาร์ กัดดาฟีที่หลายสัปดาห์มานี้อำนาจของเขาค่อย ๆ เสื่อมถอยลง
“จีนเคารพทางเลือกของประชาชนลิเบีย และให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อสถานะและบทบาทของสภาถ่ายโอนอำนาจแห่งชาติ และจะรักษาสัมพันธภาพนี้ไว้อย่างใกล้ชิด” สำนักข่าวซินหวายกคำกล่าวของ หม่า เจาซี่ว์ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีนเมื่อวันจันทร์ (12 ก.ย.)
จีนเป็นเพียงประเทศเดียวในบรรดา 5 ประเทศที่อยู่ในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ที่ไม่ยอมรับกองกำลังต่อต้านกัดดาฟีอย่างเป็นทางการ แม้ว่ากรุงตริโปลีจะตกเป็นของฝ่ายกบฎแล้วก็ตาม แต่เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาจีนก็เหมือนจะให้ความสำคัญกับฝ่ายกบฎมากขึ้นเรื่อย ๆ
รายงานข่าวยกคำกล่าวของหม่า ว่า “สภาถ่ายโอนอำนาจฯ (NTC) แถลงว่ามีความปลาบปลื้มมากจากการที่จีนยอมรับตนเสียที และจะยังคงรู้สึกเป็นเกียรติที่สนธิสัญญาและข้อตกลงต่าง ๆ ที่ทำไว้กับจีนจะยังคงมีผลต่อไป”
ทั้งนี้จีนเป็นประเทศที่เทการลงทุนหลายพันล้านในลิเบียทั้งโครงการก่อสร้างทางรถไฟ โทรคมนาคม น้ำมันฯ
“ลิเบียยินดีต้องรับจีนให้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการรื้อสร้างต่าง ๆ ของประเทศ และความร่วมมือนี้จะส่งผลโดยตรงให้สัมพันธภาพทวิภาคีของสองฝ่ายยั่งยืนต่อไป” ซินหวายกคำกล่าวของผู้แทนสภาฯ ของลิเบีย โดยไม่เผยนาม
หม่า เผยต่อว่า “สภาฯ ลิเบีย ยังคงสนับสนุนนโยบายจีนเดียว ซึ่งเป็นนโยบายอ่อนไหวเกี่ยวกับไต้หวัน โดยชี้ว่า จีนมีประเทศเดียวที่มิอาจแบ่งแยก และปักกิ่งก็มีอำนาจอันชอบธรรมในการปกครองจีนทั้งหมด แม้ว่าเกาะไต้หวันจะแบ่งแยกการปกครองออกจากจีนนับแต่สงครามกลางเมืองในปี 2492 แล้วก็ตาม”
รัฐบาลปักกิ่งได้ค้ำจุนระบอบกัดดาฟีมานานพอสมควร ก่อนที่การปฏิวัติจะปะทุ และจีนถูกกล่าวหาว่าเสนอขายอาวุธปริมาณมหาศาลให้กับลิเบีย แม้ว่าสหประชาชาติจะไม่เห็นด้วยในเรื่องนี้
จีนต่อต้านการโจมตีทางอากาศขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต้ ซึ่งช่วยฝ่ายกบฎของลิเบียในการขับไล่กัดดาฟี พร้อมกันนั้นจีนออกมาชี้ว่า สหประชาชาติควรจะเป็นผู้นำในการฟื้นฟูลิเบียหลังยุคสงครามด้วย
รัฐบาลใหม่ของลิเบียเผยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ได้ตรวจสอบรายละเอียดในเอกสารลับว่าจีนพยายามจะขายอาวุธเป็นจำนวนมากให้แก่กัดดาฟีในปลายเดือนก.ค.
หนังสือพิมพ์โกลบ แอนด์ เมล ของแคนาดา เคยรายงานเมื่อวันอาทิตย์ (4 ก.ย.) โดยอ้างเอกสารหลายฉบับที่เก็บได้จากในกรุงตริโปลี ระบุว่า บริษัทผลิตอาวุธในจีนซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล เคยเสนอที่จะขายอาวุธสงคราม อันประกอบด้วย เครื่องปล่อยจรวด ขีปนาวุธต่อต้านรถถัง และอาวุธยุทโธปกรณ์อื่นๆ มูลค่ารวม 200 ล้านดอลลาร์ ให้แก่รัฐบาลกัดดาฟี ในช่วง 2-3 เดือนก่อนหน้าที่กองทัพกัดดาฟีจะพลาดพลั้งต่อฝ่ายกบฏ แม้ช่วงเวลาดังกล่าวลิเบียจะถูกมติองค์การสหประชาชาติคว่ำบาตรห้ามขนส่งอาวุธเข้าออกก็ตาม
แต่เอกสารลับก็มิได้ระบุสถานที่หรือหลักฐานการขนส่งอาวุธฯ และฝ่ายจีนก็ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นางเจียง อี๋ว์ โฆษกต่างประเทศจีนให้สัมภาษณ์ว่า “ในเดือนก.ค. รัฐบาลกัดดาฟีได้ส่งตัวแทนมายังจีนโดยที่จีนไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย โดยเป้าหมายการส่งฯ ก็คือ มาติดต่อกับตัวแทนบริษัทซึ่งมีผลประโยชน์ต่อกัน”
“แต่บริษัทจีนไม่ได้ส่งอาวุธให้ลิเบียไม่ว่าทางใดก็ตาม บริษัทจีนไม่เคยลงนามขายอาวุธหรือทำสัญญาอะไร และไม่เคยมีการส่งออกยุทธภัณฑ์ใด ๆ ไปยังลิเบียด้วย”
ข้อกล่าวหานี้จะทำลายสัมพันธภาพระหว่างปักกิ่งและรัฐบาลใหม่ของลิเบีย
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศจีน นายชุย เทียนไข่ เผยเมื่อวันศุกร์ (9 ก.ย.) ว่า จีนพร้อมที่จะช่วยลิเบียฟื้นฟูประเทศ และสนับสนุนสหประชาชนติให้แสดงบทบาทนำในการฟื้นฟู
จีนเป็นผู้นำเข้าน้ำมันหลักจากลิเบีย และต้องการสร้างความมั่นใจว่าแหล่งน้ำมันของตนจะไม่ได้รับกระทบกระเทือนในการส่งป้อนให้ตลาดแผ่นดินมังกรขยายตัวต่อเนื่อง
ลิเบียสามารถผลิตน้ำมันได้วันละ 1.6 ล้านบารเรลก่อนหน้าที่กลุ่มกบฎจะเข้ายึดครอง