เอเยนซี - เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ไต้หวัน รายงานผู้ป่วยผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ 5 ราย อาจได้รับเชื้อเอชไอวีจากอวัยวะที่มาจากการบริจาคของผู้ติดเชื้อฯ
สำนักงานสาธารณสุข ไตัหวันกล่าวเมื่อวันที่ 28 ส.ค.ว่า เหตุการณ์เสื่อมเสียวงการแพทย์ครั้งนี้ เพิ่งพบเป็นครั้งแรก โดยโรงพยาบาล 2 แห่ง ในไต้หวัน คือ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยไต้หวัน และโรงพยาบาลเฉิงต้า ได้รายงานการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะของผู้ติดเชื้อเอชไอวี ให้กับผู้ป่วย 5 ราย เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (27 ส.ค.) โดยนาย ซื่อ เวินยี่ รองผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมโรคติดต่อ ได้ชี้แจงว่า เมื่อทราบผลตรวจเชื้อของผู้บริจาคฯ ทางโรงพยาบาลได้ให้ยาต้านไวรัสแก่ผู้เปลี่ยนถ่ายอวัยวะทั้ง 5 คนทันที
ทางด้านโรงพยาบาลได้ออกมากล่าวยอมรับผิด และรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยกล่าวว่า เป็นความผิดพลาดสับสนในการแจ้ง-รับผลตรวจเลือด ขณะส่งเจ้าหน้าที่ฯ ไปรับอวัยวะจากโรงพยาบาลที่ผู้บริจาคเสียชีวิต และนำมาส่งให้กับโรงพยาบาลทั้งสองแห่ง เพื่อดำเนินการผ่าตัดฉุกเฉินเปลี่ยนถ่ายอวัยวะให้ผู้ป่วยทั้งห้าคน
สำหรับความผิดพลาดสับสนของผลตรวจที่ส่งไปถึงแพทย์นั้นเกิดขึ้นเพราะความสะเพร่า โดยตามลำดับเวลานั้นพบว่า ผู้บริจาคอวัยวะรายนี้เป็นชายวัย 37 ปี ในเมืองซินฉู่ ล้มป่วยจนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 24 ส.ค. โดยโรงพยาบาลและครอบครัวของเขาซึ่งบริจาคร่างกายให้กับโรงพยาบาล ต่างก็ไม่ทราบว่าเขาติดเชื้อเอชไอวีอยู่ และทางโรงพยาบาลแห่งนั้นก็ทำการผ่าเอาหัวใจ ปอด ตับ และไตของเขาออกมาทันทีก่อนจะรอผลตรวจฯ
รายงานข่าวกล่าวว่า ความผิดพลาดเกิดขึ้นเมื่อโรงพยาบาลไต้หวัน ซึ่งส่งเจ้าหน้าที่ฯ มารับอวัยวะเหล่านั้น ได้สื่อสารกับห้องแล็บบริจาคอวัยวะผิดพลาดอย่างร้ายแรง
จากการสอบสวนในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ผู้มารับอวัยวะ กล่าวกับสื่อฯ ว่า ก่อนการผ่าตัดฉุกเฉินนั้น ได้มีการแจ้งผลตรวจเชื้อฯ มายังเจ้าหน้าที่ ผ่านทางโทรศัพท์และเกิดความสับสนระหว่างคนฟังกับคนพูด โดยเจ้าหน้าที่ผู้รับอวัยวะได้ยินว่า "ไม่มีเชื้อฯ" ขณะที่ฝ่ายห้องแล็บตรวจผลฯ ยืนยันพูดคำว่า "มีเชื้อฯ" แต่ทั้งสองไม่ได้มีการบันทึกรายงานทางวาจาฯ ไว้เป็นลายลักษณ์อักษร
ความผิดพลาดร้ายแรงขั้นต่อมา คือแพทย์ของโรงพยาบาลที่รับอวัยวะทั้งสองแห่ง เร่งรีบนำอวัยวะบริจาคนั้นไปผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายให้กับผู้ป่วย 5 คน ก่อนที่จะตรวจสอบเอกสารฯ ที่ระบุชัดว่า "มีเชื้อฯ" โดยตับ ปอด และไตสองข้าง ของเขาได้รับการปลูกถ่ายให้ผู้ป่วย 4 รายของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยไต้หวัน และหัวใจ ที่บริจาคมานั้น ก็ถูกนำไปให้กับผู้ป่วยอีก 1 ราย ในโรงพยาบาลเฉิงต้า
ไต้หวัน นิวส์ รายงานว่า ไม่มีใครทราบความผิดพลาดนี้ จนกระทั่ง เมื่อการผ่าตัดผู้ป่วยทั้ง 5 คนผ่านลุล่วงไป จึงได้พบผลตรวจเลือดของอวัยวะฯ เหล่านั้นในเอกสารฯ ยืนยัน ค่าเอชไอวีโพสิทีฟ (มีเชื้อฯ)
ด้านโรงพยาบาลฯ ได้แถลง(28 ส.ค.) ยอมรับผิดชอบทุกประการ โดยนอกจากผู้ป่วยทั้ง 5 คนที่เข้ารับการผ่าตัดจะเสี่ยงติดเชื้อเอชไอวีแล้ว แพทย์และผู้ปฏิบัติงานผ่าตัด รวม 6 คนยังมีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน ขณะนี้ทาง รพ. จะได้ส่งรายงานประเมินการตรวจรับอวัยวะบริจาคแก่สำนักงานสาธารณสุขฯ เพื่อทำการสอบสวนต่อไป
สื่อท้องถิ่นไต้หวัน รายงานว่า หากการสอบสวน พบว่าเป็นความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ฯ ผู้รับผิดชอบ ทั้งหมดจะต้องรับโทษจำคุกมากกว่า 10 ปี และทางโรงพยาบาล จะถูกระงับใบอนุญาตการผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายอวัยวะผู้ป่วยเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งปี