เอเยนซี - ผลวิจัยจากทีมแพทย์จีนพบว่า เชื้อไวรัสธรรมดาอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เป็นโรคความดันโลหิตสูงได้
ทีมแพทย์จากศูนย์หัวใจวิทยาแห่งโรงพยาบาลเป่ยจิงเฉาหยัง เผยว่า ผลการวิจัยพบข้อพิสูจน์แรกของการเชื่อมโยงระหว่างฮิวแมนไซโตเมกะโลไวรัส( human cytomegalovirus - HCMV ) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสก่อโรคในคน กับการเกิดความดันโลหิตสูงทั่วไป
การติดเชื้อไวรัสดังกล่าว พบได้ทุกภูมิภาคทั่วโลกและในประชากรทุกกลุ่ม แต่จะพบมากในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและในกลุ่มผู้ที่มีฐานะทางเศรษฐกิจต่ำ เชื้อไวรัสฯติดต่อเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง ทั้งทางตรงและทางอ้อม ได้แก่ ทารกได้รับเชื้อจากมารดาในครรภ์ ,ในระยะคลอด, ในระยะให้นม, การถ่ายเลือด ,การปลูกถ่ายอวัยวะ,เพศสัมพันธ์, ทางระบบหายใจ(โดยสัมผัสละอองฝอยในอากาศ) และทางการสัมผัส(โดยสัมผัสน้ำลาย,ปัสสาวะ)
แหล่งของเชื้อไวรัสนี้พบได้จากสารคัดหลั่งหลายชนิด เช่น น้ำลาย, ปัสสาวะ, น้ำอสุจิ, สารคัดหลั่งจากปากมดลูก, น้ำนม, น้ำตา, อุจจาระและเลือด คนส่วนใหญ่มักจะได้รับเชื้อไวรัสชนิดนี้ตั้งแต่วัยเด็กโดยไม่มีอาการของโรค อย่างไรก็ตาม การติดเชื้อดังกล่าวก่อให้เกิดอาการรุนแรงของโรคในกลุ่มเสี่ยงต่างๆ ได้แก่ การติดเชื้อในทารกในครรภ์ คนไข้ที่ได้รับการผ่าตัดเปลื่ยนอวัยวะ(organ transplant recipients) และคนไข้ติดเชื้อเอชไอวี
หยัง ซินชุน ผู้อำนวยการศูนย์หัวใจวิทยาและหนึ่งในผู้เขียนรายงานการวิจัยได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวเอเอฟพีว่า “หากเราสามารถหาข้อสรุปของความเชื่อมโยงดังกล่าวได้ เราจะสามารถผลิตวัคซีนรักษาความดันโลหิตสูงที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นได้”
อย่างไรก็ตาม หยังได้กล่าวเสริมว่า “ผลการวิจัยนี้ยังอยู่ในขั้นต้นและมันยังเร็วเกินไปที่จะระบุว่าจะสามารถผลิตวัคซีนได้เมื่อใด นี่เป็นครั้งแรกที่มีการค้นพบความเชื่อมโยงดังกล่าว ดังนั้นเราจำเป็นต้องทดสอบกับคนไข้ให้มากขึ้น”
องค์การอนามัยโลก (World Health Organization - WHO) ชี้ว่า การวิจัยดังกล่าวจะส่งผลดีต่อวงการการแพทย์ ด้วยว่าปัจจุบันประชากรทั่วโลกป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงนับพันล้านคน โดยเป็นชาวจีนมากกว่า 200 ล้านคน
ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นความดันโลหิตสูงแบบไม่ทราบสาเหตุ(essential hypertension) แต่มักจะพบว่าปัจจัยทางพันธุกรรมและการไม่ดูแลสุขภาพตนเองมีความสัมพันธ์กับผู้ป่วยกลุ่มนี้ ขณะที่บรรดาแพทย์จีนเชื่อว่ามันเชื่อมโยงกับไวรัสเอชซีเอ็มวีด้วย
ผลการวิจัยของทีมแพทย์ดังกล่าวได้รับการตีพิมพ์ลงใน Circulation วารสารทางการแพทย์สหรัฐฯ โดยเจมส์ วิลเลอร์สัน อดีตหัวหน้าบรรณาธิการวารสารดังกล่าว ได้โพสต์ความเห็นลงบนเว็บไซต์ของโรงพยาบาลเป่ยจิงเฉาหยัง ว่า “การค้นพบดังกล่าวอาจเป็นการนำเสนอกลยุทธ์ใหม่ในการป้องกันและรักษาโรคเกี่ยวกับระบบหัวใจหลอดเลือด”
เมื่อไม่นานมานี้ เจียง เหอ ศาสตราจารย์ มหาวิทยาลัยสาธารณสุขและเวชศาสตร์เขตร้อนทูเลน ในเมืองนิวออร์ลีน รัฐลุยเซียนา ได้ทำการศึกษาวิจัยผู้เสียชีวิตด้วยโรคเกี่ยวกับระบบหัวใจหลอดเลือดในจีน โดยได้ข้อสรุปว่า แต่ละปีมีชาวจีนเสียชีวิตด้วยโรคดังกล่าวราว 2.3 ล้านคน ส่วนหนึ่งเป็นผู้ป่วยความดันโลหิตสูง และมี 1.3 ล้านคนที่เสียชีวิตก่อนกำหนด โดยคิดจากอายุเฉลี่ยชาวจีนเมื่อปี 2548 ที่เพศชายมีอายุได้ถึง 72 ปี และเพศหญิง 75 ปี
“สำหรับการเสียชีวิตก่อนกำหนดของชาวจีน ความดันโลหิตที่เพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สามารถป้องกันได้” หยัง กล่าว