xs
xsm
sm
md
lg

โพสต์จนเป็นเรื่อง! ชาวเน็ตสงสัย “หมวยจีน” อวดรวย พัวพันทุจริตกาชาดจีน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการ/เอเจนซี – สาวจีนขาวหมวยโพสต์ภาพในอินเทอร์เน็ตอวดความร่ำรวยของตัวเองจนเป็นเรื่อง ชาวเน็ตจีนรุมขุดค้นประวัติพบอาจเกี่ยวพันกับการทุจริตของผู้บริหารระดับสูงในสภากาชาดจีน ร้อนถึงกาชาดจีนต้องออกแถลงการณ์ดำเนินคดีทางกฎหมายเต็มที่ หวั่นชาวจีนเลิกบริจาคเงิน

ข่าวสุดอื้อฉาว ที่แพร่หลายในสื่อสังคมออนไลน์ของจีนในช่วงปลายเดือนมิถุนายนต่อเนื่องมาจนถึงต้นเดือนกรกฎาคม 2554 เป็นข่าวของหญิงสาววัย 20 ปี ผู้หนึ่งที่ใช้นามแฝงในเวยป๋อว่า “กัว เหมยเหม่ยเบบี้ (郭美美baby)” โดยเธอใช้โลกไซเบอร์เพื่อโพสต์อวดวิถีชีวิตอันแสนหรูหราของตัวเองให้ประชาชนทั่วไปได้ดู จนกระทั่งวันหนึ่งมีชาวเน็ตมาพบเข้าและตั้งข้อสงสัยว่าหญิงสาววัยเพียง 20 ปีผู้นี้เอาเงินมาจากที่ไหนเยอะแยะเพื่อบำรุงบำเรอตัวเองและครอบครัว

“เวยป๋อ” หรือ เครือข่ายสังคมออนไลน์ของจีนที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับทวิตเตอร์ ปัจจุบันมีผู้ใช้งานหลายร้อยล้านคน เป็นแหล่งศูนย์รวมเรื่องราวต่างๆ มากมาย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงหัวค่ำของวันที่ 20 มิถุนายน ที่ผ่านมาโดยมีชาวเน็ตจีนผู้หนึ่งไปค้นพบกับวัยรุ่นสาวผู้หนึ่งที่ใช้ชื่อในเวยป๋อ “กัว เหมยเหม่ยเบบี้” เพื่อโพสต์ข้อความและรูปของตัวเองขึ้นในโลกไซเบอร์
กัว เหมยเหม่ยถ่ายกับมาเซราตีสีขาวของขวัญวันเกิดอายุครบ 20 ปี
ข้อมูลในโลกอินเทอร์เน็ตระบุรายละเอียดของ “กัว เหมยเหม่ยเบบี้” ว่าหญิงสาวผู้นี้เริ่มใช้บริการเวยป๋อตั้งแต่วันที่ 6 กรกฎาคม 2553 โดยที่น่าสนใจที่สุดก็คือเมื่อวันที่ 1 เมษายนปีนี้เธอได้โพสต์ภาพตัวเองกับรถสปอร์ต ยี่ห้อมาเซราตีสีขาว พร้อมกับข้อความที่ว่า

“ได้รับของขวัญก่อนถึงวันเกิด 20 ปี ฝ่าลมหนาวไปรับมาเรียบร้อยแล้ว ปี 2011 ช่างเป็นปีที่เจ๋งจริงๆ ......”

ภาพและข้อความดังกล่าวของกัว เหมยเหม่ยได้ถูกชาวเน็ตจีนส่งต่อไปทั่วในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมง ในเวลาเดียวกันชาวเน็ตจีนก็ช่วยกันขุดค้นข้อมูลในอดีตของหญิงสาวผู้นี้ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไรจึงมีฐานะร่ำรวยเช่นนี้ โดยเธอมิเพียงเป็นเจ้าของรถสปอร์ตมาเซราตีราคาคันละกว่า 2.3 ล้านหยวน (ราว 11.5 ล้านบาท) แต่ปรากฏหลักฐานเป็นอัลบั้มภาพเธอกับรถสปอร์ตราคาแพงอย่างลัมโบกินีสีส้ม และมินิคูเปอร์สีแดงอีกด้วย

ไม่เพียงแต่รถยนต์หรู แต่ภาพที่เจ้าตัวโพสต์ในอดีตยังปรากฏความเปลี่ยนแปลงในวิถีการดำเนินชีวิตอย่างชัดเจน กล่าวคือ จากเดิมที่อยู่บ้านที่ตกแต่งอย่างเรียบๆ ใช้โทรศัพท์มือถือแบบฝาพับที่ผลิตในจีน ก็เปลี่ยนมาอยู่อพาร์ทเมนต์แสนแพง, ใช้โทรศัพท์ไอโฟน 4, สะสมกระเป๋าราคาแพงอย่างแอร์เมส-กุชชี่, นั่งเครื่องบินชั้นธุรกิจ-ชั้นหนึ่ง นอกจากนี้เจ้าตัวยังระบุตำแหน่งของตัวเองว่าเป็น ผู้จัดการทั่วไปส่วนการพาณิชย์สภากาชาดจีน

จากการสืบค้นของนักสืบไซเบอร์ในจีนยังมีการแพร่ข่าวต่อไปด้วยว่า “กัว เหมยเหม่ย เคยทำศัลยกรรมมาก่อน โดยเช่าบ้านอยู่ที่เซินเจิ้นและปักกิ่ง ส่วนการตกแต่งห้องก็เรียบๆ โดยย้อนไปเมื่อปี 2551 เธอยังใช้โทรศัพท์แบบฝาพับผลิตในจีนอยู่เลย พอผ่านไป 3 ปี เธอกลับมีบ้านพักตากอากาศ ขับรถหรูหรา และร่ำรวยขึ้นมาอย่างกระทันหัน”

จากการอ้างตัวว่าเป็นผู้จัดการทั่วไปของส่วนการพาณิชย์สภากาชาดจีนด้วยวัยเพียง 20 ปี ทำให้เมื่อเรื่องของสาวหมวยชาวจีนผู้นี้แพร่หลายออกไป ทางสภากาชาดจีนจึงต้องออกแถลงการณ์ปฏิเสธถึงความเกี่ยวพันกับเธอ พร้อมปฏิเสธว่าทางสภากาชาดจีนไม่มีส่วนการพาณิชย์ ไม่มีตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปส่วนการพาณิชย์ รวมถึงไม่มีพนักงานชื่อกัว เหมยเหม่ย

อย่างไรก็ตาม เรื่องราวกลับไม่จบแค่นั้นเมื่อชาวเน็ตในจีนเข้าไปติดตามการโพสต์ของเธอโดยหลังจากนั้นไม่ถึงสัปดาห์เวยป๋อ “กัว เหมยเหม่ยเบบี้” ก็มีแฟนๆ ติดตามมากถึง 335,000 คน นอกจากนี้ยังมีการสืบค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับหญิงสาวผู้นี้ต่อไปโดยมีการเปิดเผยหลักฐานว่า หญิงสาวผู้นี้เคยเป็นนางแบบให้กับค่ายรถยนต์ภายใต้กลุ่มบริษัทเทียนเลี่ยว์ (天略) และมีความรู้จักมักคุ้นกับผู้บริหารระดับสูงของเทียนเลี่ยว์ และโดยช่องทางนี้เองที่ทำให้ กัว เหมยเหม่ยได้รู้จักกับ กัว ฉางเจียง รองประธานสภากาชาดจีน

ข่าวคราวดังกล่าวทำให้ในวันที่ สภากาชาดจีนต้องออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 ระบุว่าการทางสภากาชาดจีนไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ กับกัว เหมยเหม่ย และการที่หญิงสาวผู้นี้นำชื่อของสภากาชาดจีนไปอ้างอิง ทำให้เกิดความเสียหายกับองค์กรอย่างมาก โดยทางสภากาชาดจีนได้แจ้งความและยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับ กัว เหมยเหม่ยอย่างเต็มที่ ขณะที่ช่วงบ่ายของวันที่ 26 มิ.ย. กัว เหมยเหม่ยได้โพสต์ข้อความในเวยป๋อของตัวเอง 3 ข้อความ ระบุว่าตัวเองขอโทษที่แอบอ้างชื่อสภากาชาดจีนจนทำให้เกิดความเสียหาย

ข่าวคราวเล็กๆ จากโลกสังคมออนไลน์ดังกล่าว ก่อให้เกิดผลกระทบไปในวงกว้างของสังคมจีน โดยเฉพาะหน่วยงานและมูลนิธิที่รับบริจาคในจีน เนื่องจากชาวจีนแสดงความไม่พอใจอย่างมากกับเรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้น และสงสัยว่าองค์กรที่ขึ้นกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนอย่างสภากาชาดจีนน่าจะมีการทุจริตกันภายในอย่างมโหฬาร

“เรื่องที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อเราอย่างแน่นอน” เจ้าหน้าที่ของสภากาชาดจีนคนหนึ่งกล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี พร้อมระบุว่า ชาวจีนคงจะบริจาคเงินกันน้อยลงจากเหตุการณ์นี้ โดยเมื่อวันสัปดาห์ที่ผ่านมาเมื่อกาชาดจีนได้เปิดบัญชีเวยป๋อ ก็มีชาวจีนนับพันที่ส่งข้อความมาว่า “เอาเงินของเราคืนมา!”

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งภาพสะท้อนถึงสภาพสังคมจีนที่มีช่องว่างทางรายได้และความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจนในประเทศจีนที่มากขึ้นทุกทีๆ นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นว่าองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในประเทศจีนและองค์กรการกุศลต่างๆ ที่รับเงินบริจาคนั้นไม่มีความโปร่งใส และขาดการตรวจสอบการใช้งบประมาณ โดยก่อนหน้านี้เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ก็มีการโพสต์ภาพใบเสร็จค่าอาหารของสภากาชาดจีน สาขาเซี่ยงไฮ้ที่คิดเป็นเงินสูงถึง 9,859 หยวน (ราว 50,000 บาท) ขึ้นบทอินเทอร์เน็ต ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับชาวจีนอย่างมากมาแล้ว

ปัจจุบันมีความพยายามในการรณรงค์ปลุกจิตสำนึกให้เศรษฐีใหม่ชาวจีน หันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสังคม และบริจาคเงินเพื่อพัฒนาสังคมกันมากขึ้น โดยในปี 2553 นายวอร์เรน บัฟเฟตต์ และนายบิล เกตส์ สองมหาเศรษฐีชาวอเมริกันก็เคยเดินทางมายังจีนเพื่อร่วมงานเลี้ยงรณรงค์ดังกล่าวมาแล้ว

จากข้อมูลของสำนักข่าวซินหัวระบุว่า ในปีที่ผ่านมา (2553) ชาวจีนบริจาคเงินให้การกุศลทั้งสิ้นราว 70,000 ล้านหยวน (ราว 350,000 ล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า (2552) ที่ชาวจีนบริจาคเงินเพื่อการกุศลทั้งสิ้น 54,000 ล้านหยวน (ราว 270,000 ล้านบาท)
กัว เหมยเหม่ยถ่าย กับ รถมินิ
ชักภาพคู่ข้างลัมโบกินีสีส้มกับแม่

หิ้วกระเป๋าแอร์เมส เบอร์กินแสนแพงเหมือนแม่แต่คนละสี

โพสต์ท่ากับสุนัขทิเบตแสนแพง
ทำหน้าอาโนเนะหน้ารถมินิคูเปอร์สีแดง

คอลเลคชั่นกระเป๋าหรูของแม่ที่ถ่ายมาอวดชาวเน็ต

แอคท่านั่งจิบเครื่องดื่มชิลๆ บนเครื่องบินชั้นธุรกิจ


เรื่องของกัว เหมยเหม่ยกลายเป็นประเด็นใหญ่บนปกนิตยสารของจีน

กำลังโหลดความคิดเห็น