“เมียน้อย 2 คน ที่ดิน 14 ผืน บัญชีธนาคาร 60 กว่าเล่ม และสินทรัพย์อีก 130 ล้านหยวน ที่เจ้าหน้าที่รัฐโกงกินเพียงคนเดียวถือครอง”
ศาลจีนเปิดพิจารณาคดีคอรัปชั่นใหญ่อดีตผู้นำสูงสุดแห่งเม่าหมิง เมืองที่อุดมด้วยผลประโยชน์จากอุตสาหกรรมปิโตรเคมีคัลของมณฑลก่วงตง กลุ่มสื่อจีนรายงานศาลประชาชนชั้นกลางเมืองก่วงโจวเปิดการพิจารณาคดีคอรัปชั่นนายหยัง กวงเลี่ยง อดีตรองนายกเทศมนตรีเมืองเม่าหมิงเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยผู้พิพากษาได้สอบปากคำพยานข้อกล่าวหานายหยังสองกระทง ได้แก่ รับสินบน 11 ล้านหยวน และครอบครองทรัพย์สินที่มีที่มาไม่ชัดเจน อีก 41 ล้านหยวน
มูลค่าเงินทองจากสินบนและเงินที่ไม่รู้แหล่งที่มาชัดเจนของนายหยังนี้ รวมกว่า 50 ล้านหยวน แต่นี่ก็ยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของรายรับของเขาที่ได้มาโดยมิชอบหรือผิดระเบียบวินัยอีกกว่า 75.35 ล้านหยวน
ระหว่างปี พ.ศ. 2535 - 2552 นายหยัง กวงเลี่ยงได้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ได้แก่ ผู้ช่วยนายอำเภอเตี้ยนไป๋แห่งเมืองเม่าหมิง มณฑลก่วงตง ซึ่งต่อมาได้เลื่อนขั้นเป็นนายอำเภอเตี้ยนไป๋ เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ระดับอำเภอเตี๋ยนไป๋ และรองนายกเทศบาลแห่งเมืองเม่าหมิง โดยเขาได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่ในการหาผลประโยชน์ให้ตัวเอง รับสินบาปคาบสินบน (ที่พิสูจน์ได้แล้ว) กว่า 10.48 ล้านหยวน และอีกกว่า 2 ล้านเหรียญฮ่องกงด้วย
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้อายัดทรัพย์นายหยัง กวงเลี่ยง ร่วม 50 ล้านหยวน กับอีก 2.7 แสนดอลลาร์ฮ่องกง และ 2.4 หมื่นยูโร โดยมีเพียง 3.32 ล้านหยวนเท่านั้นที่เป็นรายได้อันชอบธรรม
ทรัพย์สินที่ได้มาอย่างไม่ชอบมาพากลของนายหยัง ยังได้ซุกอยู่ในบัญชีเงินฝากธนาคารของบรรดาสมาชิกในครอบครัวและญาติสนิท รวมทั้งภรรยาน้อย โดยใช้ชื่อและบัตรประจำตัวปลอมที่เขาจัดเตรียมให้
มีชาวจีนที่สนใจเข้าฟังคดีนี้จำนวนมาก รวมทั้งสมาชิกสภาทั้งสภาผู้แทนและสภาที่ปรึกษาการเมืองประชาชนกว่า 20 คน นายหยังได้ยอมรับข้อกล่าวหาโดยดุษณี
อย่างไรก็ตามมีผู้ชี้ถึงแง่มุมชีวิตของนายหยังที่ผู้คนชื่นชม อันได้แก่ นายหยังเกิดมาจากครอบครัวที่ยากจน เขามีความทะเยอทะยานจนได้เข้าเรียนที่โรงเรียนพรรคคอมมิวนิสต์จีน และเข้าทำงานในหน่วยงานของรัฐในที่สุด
แม้นายหยังเป็นสามีที่ไม่ดีนักเพราะมีภรรยาน้อย แต่ก็ไม่เคยต้องทำให้ภรรยาหลวงต้องลำบาก ภรรยาเขาเล่าว่า “เมื่อสามีได้เงินมา เขาจะนำมามัดเป็นก้อนๆ ใส่ลิ้นชัก หากครบหนึ่งแสนหยวนก็จะนำไปวางไว้ใต้เตียง และเมื่อครบทุกหนึ่งล้านหยวน ก็จะให้ดิฉันนำไปฝากธนาคาร” ทั้งนี้นายหยังเคยสอนลูกว่าอย่าเจริญรอยตามหรือคาดหวังในตัวเขา “ลูกต้องใช้ความสามารถของตัวเองในการหาเงิน และขยันเรียนหนังสือ” เขายังบอกกับลูกอีกด้วยว่าให้ “ทำงานเพื่อสาธารณะ”
นอกจากนี้นายหยังชอบคบค้าสมาคมกับนักธุรกิจใหญ่ ผู้คนที่รู้จักเขาต่างกล่าวว่าเขาเป็นคนเปิดเผย พูดจาฉะฉาน และคอยช่วยเหลือเพื่อนพ้องทุกเมื่ออย่างสุดกำลังความสามารถ
อย่างไรก็ดี ข้อดีเหล่านี้ก็ไม่อาจลบล้างสิ่งที่เขาก่อไว้ได้ กล่าวกันว่าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 เขาก็ได้รับซอง “หงเปา” (อั่งเปา) ที่บรรจุเงินสินบนกว่าหนึ่งล้านหยวน เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของคนทั่วไปว่าเขาเป็น “ตะเข้ใหญ่” ที่ใช้อำนาจหน้าที่หากินกับประชาชนในทุกๆ โอกาสและสถานที่ จนมีผู้เปรียบเปรยว่าเขาเป็นนักธุรกิจในคราบเจ้าหน้าที่รัฐผู้มีภารกิจรับใช้ประชาชนและประเทศชาติ
ยิ่งไปกว่านี้ ระหว่างการพิจารณาคดี นายหยังยังได้แสดงท่าทีกล่าววาจาโอหังอย่างไร้ร่องรอยความรู้สึกละอายใดๆ ซึ่งยิ่งกระตุกอารมณ์โกรธเคืองของผู้คน นายหยังกล่าวว่า แม้เขาจะต้องถูกลงโทษ แต่เขาก็ดีใจที่เคย “ทำประโยชน์” ให้กับบ้านเมืองและประชาชนมากมาย
ขณะนี้มีกระแสคาดเก็งว่านายหยังอาจโดนโทษประหารชีวิต แต่หลายคนก็สงสัยว่าแม้ศาลประกาศคำพิพากษาโทษประหารชีวิตนายหยัง แต่ด้วยอิทธิพลและเส้นสายทางการเมืองของรองนายกเทศมนตรีคนนี้ ก็มีมากพอที่จะช่วยให้เขารอดพ้นเงื้อมมือเพชฌฆาตในที่สุด.
