เอเยนซี - สื่อต่างประเทศรายงานวันที่ 9 มี.ค. ว่า ร้านตุ๊กตาแบรนด์ดังของโลกอย่าง บาร์บี้ ได้ปิดร้านระดับซูเปอร์สโตร์ในเซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นสาขาหลักไปแล้ว
สื่อรายงานว่า สองปีก่อนหน้านี้ บริษัทแมทเทล อิงก์ ได้ตัดสินใจเข้ามาเปิดตลาดและตั้งสาขาร้านตุ๊กตา บาร์บี้ ที่นครเซี่ยงไฮ้ โดยมีการเปิดตัวที่เกรียวกราวไปทั่วโลก โดยร้านบาร์บี้ เซี่ยงไฮ้นี้ เป็นอาคารสูง 6 ชั้น ภายในพื้นที่กว่า 38,000 ตร.ฟุต ประกอบไปด้วยส่วนให้บริการสปา สตูดิโอออกแบบ มีเวทีเดินแบบแฟชั่น และร้านอาหารบริการลูกค้าที่ชื่นชอบในรสนิยมแบบสาวบาร์บี้ รวมทั้งส่วนจัดแสดงสินค้าเครื่องใช้ ไม้สอยต่างๆ ของตุ๊กตาฯ
บรรดานักวิเคราะห์ว่ากันว่า บาร์บี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของระบบบริโภคนิยมของอเมริกัน ได้พยายามที่จะมาสร้างแบรนด์ให้ติดตลาดจีน แต่การลงทุนไม่ประสบความสำเร็จ เพราะไม่สามารถปรับตัวเข้ากับรสนิยมของตลาดในประเทศจีนได้ เข้าทำนองว่า สาวน้อยบาร์บี้ ไม่ค่อยยอมปรับตัว หลิ่วตาตาม จึงทำให้ต้องเก็บกระเป๋าตามห้างค้าปลีกยักษ์ของอเมริกาอย่าง โฮมดีโป และ เบสต์บาย ซึ่งมีปัญหาการปรับเข้ากับตลาดท้องถิ่นจีนเช่นกัน
โฆษกของ บริษัทแมทเทล บอกเหตุผลของการปิดสาขาสำคัญ นี้ ว่า เป็นการปรับยุทธศาสตร์การตลาด และนำประสบการณ์ที่ได้รับในจีนมาปรับแผนเพื่อกลับเข้ามาทำตลาดอีกครั้ง สอดคล้องกับคำพูดของ Barbie พูดในเว็บไซต์ที่บอกว่า “I have gone a tour of China” หรือ "บาร์บี้ไปเที่ยวจีนมาค่ะ"
นักวิเคราะห์การตลาดกล่าวว่า ในความรู้สึกของลูกค้านั้น ทั้งบาร์บี้, เบสต์บาย และโฮมดีโปต์ ต่างเป็นสินค้าที่มีราคาสูงมาก ฌอน ไรน์ ผู้บริหารของ China Market Research Group กล่าวว่า ทั้ง เบสต์บาย โฮมดีโปต์ และบาร์บี้ ไม่สามารถเข้าถึงพฤติกรรมผู้บริโภคได้มากพอ โดยในกรณีของบาร์บี้นั้น อย่างแรกคือ บาร์บี้เลือกทำเลสำหรับตั้งสาขาพลาดไป และนำเสนอภาพความเซ็กซี่ ของสาวๆ แบบ ซี่รี่ย์ Sex and the City ขณะที่หมวยน้อยส่วนใหญ่จะออกแนว Hello Kitty มากกว่า
รายงานข่าวกล่าวว่า เมื่อเดือนที่แล้ว เบสต์บาย ได้ประกาศว่าจะปิดสาขาทั้งหมดในจีน ขณะที่ โฮม ดีโปต์ ซึ่งเปิด 10 สาขาในจีนตั้งแต่ปี 2549 ก็ได้ปิดไปแล้ว 5 สาขา ส่วนที่เหลือก็พยายามปรับตัวเพื่ออยู่รอดในตลาด
แต่ไม่ใช่ว่าแบรนด์ตะวันตกทุกรายจะไปไม่รอด เพราะรายงานข่าวกล่าวว่า ยังมีธุรกิจต่างชาติอีกมากที่สามารถเข้าถึงและครองใจลูกค้าชาวจิน อาทิ ไนกี้, หลุยส์วิตตอง, และล่าสุด รัฐบาลจีนยังได้อนุมัติเงินทุนมากถึง 3,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อลงทุนร่วมกับวอลต์ ดีสนีย์ ในสวนสนุกดีสนีย์แลนด์ ภายในปี พ.ศ. 2558
(ชมสารคดีเบื้องหลังความเป็นมาของร้านบาร์บี้ ในเซี่ยงไฮ้)