ภาคเหนือจีนผจญภัยแล้งแรง ส่งผลกระทบราคาสินค้าโลก

เอเจนซี-ในช่วงสามเดือนมานี้ภาคเหนือจีนผจญความแห้งแล้งอย่างหนักหน่วง กระทั่งวันขึ้นปีใหม่จีน หรือตรุษจีนประธานาธิบดี หู จิ่นเทา ได้อุทิศเวลาเดินสายตรวจเยี่ยมภาคเหนือที่มณฑลเหอเป่ย พร้อมกับให้คำมั่นในวันปีใหม่ว่ารัฐบาลจะระดมมาตรการเต็มสูบในการประกันแหล่งเงินทุน เทคโนโลยี อุปกรณ์เครื่องมือต่างๆเพื่อให้การเพาะปลูกในช่วงฤดูหนาวเป็นไปด้วยดี

ความแห้งแล้งในภาคเหนือจีนขณะนี้นับเป็นครั้งรุนแรงสุดในรอบ 60 ปี กลุ่มผู้เชี่ยวชาญชี้ถึงผลกระทบจากภัยแล้งนี้อาจส่งผลเสียหายแก่เศรษฐกิจโลก

หน่วยดูแลด้านความแห้งแล้งจีนเผย บางพื้นที่ไม่มีน้ำฝนในระดับที่พอใช้ได้เลยถึง 120 วัน สร้างความเสียหายย่อยยับแก่พื้นที่เพาะปลูกมากกว่าห้าล้านเฮกเตอร์ หรือกว่า 50 ล้านไร่ ซึ่งเป็นขนาดใหญ่เทียบได้กับครึ่งหนึ่งของพื้นที่ประเทศเกาหลีใต้

ภัยแล้งในภาคเหนือจีนถึงกับสร้างความวิตกกันว่าจะส่งผลให้ราคาสินค้าโลกถีบตัวสูงขึ้นไปอีก ขณะที่ราคาอาหารกำลังพุ่งสูงอยู่แล้ว ทั้งนี้จากรายงานของสหประชาชาติเผยแพร่เมื่อเดือนที่แล้วระบุว่าราคาสินค้าโลกได้ทะลุระดับสูงสุดของเมื่อปี 2551

“ถ้าหากความแห้งแล้งยังดำรงอยู่ต่อไปถึงเดือนมี.ค.และเม.ย. ผลผลิตข้าวสาลีจะได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยปริมาณผลผลิตอาจลดฮวบ มากกว่า 10 ล้านตัน และจากนั้น จีนก็จะต้องถูกบีบให้เพิ่มการนำเข้า” หม่า เหวินเฟิ่ง นักวิเคราะห์สำนักที่ปรึกษาด้านการเกษตรในกรุงปักกิ่ง (Beijing Orient Agribusiness Consultants)

ภัยแล้งทำให้ประชาชนในพื้นที่ มากกว่า 2.5 ล้านคน ขาดน้ำดื่ม โดยมณฑลแถบตอนกลางและตะวันออก อาทิ ซานตง และเหอหนาน

นอกจากนี้หน่วยพยากรณ์อากาศยังทำนายว่าจะไม่มีฝนตกมากนักในภูมิภาครอบๆปักกิ่ง แถบแม่น้ำเหลือง และแม่น้ำไหวซึ่งเป็นลำน้ำที่แบ่งแยกเขตมั่งคั่งในภาคใต้และเขตปลูกข้าวสาลีในภาคเหนือ

เมืองรื่อเจ้า (แปลว่าแสงอาทิตย์) ในมณฑลซานตง เผชิญภัยแล้งยาวนานที่สุดในรอบ 300 ปี ตั้งแต่เดือนก.ย.ที่ผ่านมา ด้านกรุงปักกิ่งก็ไม่มีฝน หรือหิมะ มา 100 วัน ซึ่งเป็นสภาพรุนแรงที่สุดตั้งแต่ปี 2494 และสภาพขาดแคลนน้ำก็จะร้ายเลวลงไปอีกเมื่ออากาศเริ่มอุ่นขึ้น

ในบางเขต ผืนดินแตกระแหง และถ้าไม่มีฝนตกลงมาในสองสัปดาห์ ข้าวสาลีที่ชาวนาได้ลงไว้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็จะไม่อาจแม้แต่จะแตกหน่อออกมาได้เลยเมื่ออากาศอบอุ่นขึ้น

ขณะนี้กลุ่มผู้ส่งออกข้าวสาลีทั่วโลก อาทิ สหรัฐฯ รัสเซีย หรือฝรั่งเศส กำลังติดตามการพยากรณ์สภาพอากาศอย่างใกล้ชิด ไม่เพียงการพยากรณ์ในจีน ยังรวมถึงในอินเดียซึ่งกำลังผจญความแห้งแล้งครั้งรุนแรงเช่นกัน เนื่องจากจีนและอินเดียต่างเป็นผู้ผลิตและผู้บริโภคข้าวสาลีรายใหญ่สุดของโลก

“หากผลผลิตฯในสองประเทศนี้ลดน้อยลงไปในช่วงเดียวกัน ก็จะส่งผลกระทบต่อราคาอย่างมากทีเดียว” หม่า ชี้

รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรน้ำ นาย เฉิน เล่ย เผยว่าขณะนี้ 2 ใน 3 ของเมืองต่างๆในจีน ขาดแคลนน้ำ

ขณะนี้รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณ 2,200 ล้านหยวน สำหรับโครงการบรรเทาภัยแล้งชุดแรก นอกจากนี้ยังมีแผนทุ่มงบฯลงทุน 4 ล้านล้านหยวนระหว่างช่วง 10 ปีข้างหน้า เพื่อปรับปรุงการกักเก็บน้ำ และการแจกจ่ายฯ.