นักสิทธิสัตว์ชี้ จีนไม่ใช่ “ถังขยะ” สำหรับเนื้อแมวน้ำ

เอเอฟพี - กลุ่มรณรงค์สิทธิสัตว์ในจีนมากกว่า 40 กลุ่ม โต้แคนาดาว่า ทำกับจีนเหมือนเป็น “ถังขยะ” หลังบรรลุข้อตกลงกับจีน นำเข้าเนื้อและน้ำมันแมวน้ำ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ต้องห้ามในยุโรป

สื่อจีนรายงานวันพฤหัส(13ม.ค.) ว่า ในช่วงระหว่างการเยือนจีนของนายเกล เชีย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการประมงแคนาดา ได้มีการบรรลุข้อตกลงการนำเข้าสินค้าประเภทเนื้อแมวน้ำ ซึ่งเป็นสินค้าต้องห้ามในยุโรป ส่งผลให้บรรดานักสิทธิสัตว์ออกมาคัดค้านอย่างรุนแรง

หลู ตี้ หัวหน้าสมาคมพิทักษ์สัตว์เล็ก กล่าวว่า “อย่านำสิ่งที่ตัวคุณเองไม่ต้องการมาให้คนอื่น และการที่แคนาดานำสินค้าเหล่านี้เข้ามาสู่ตลาดจีน ถือเป็นการกระทำที่น่าเกลียดมาก”

อย่างไรก็ตาม กลุ่มสิทธิสัตว์ เผยว่า การล่าแมวน้ำเป็นสิ่งที่ป่าเถื่อน และในไม่กี่ปีที่ผ่านมา ได้มีการรณรงค์ต่อต้านการล่าสัตว์ดังกล่าว

ฉิน เสี่ยวน่า ผู้อำนวยการสมาคมสงเคราะห์สัตว์แห่งกรุงปักกิ่ง กล่าวว่า “จริงอยู่ ที่ผู้บริโภคชาวจีนมีอำนาจในการซื้อ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ฉันมั่นใจว่า หากพวกเขารับรู้ถึงความโหดร้ายของการล่าสัตว์ชนิดนี้ จะต้องปฏิเสธสผลิตภัณฑ์จากแมวน้ำโดยไม่ลังเลใจเป็นแน่ ”

ทั้งนี้ จีนเป็นประเทศนำเข้าปลาและอาหารทะเลจากแคนาดามากเป็นอันดับ3 ของโลก รองจากสหรัฐฯและสหภาพยุโรป โดยข้อตกลงการนำเข้าเนื้อและน้ำมันแมวน้ำ ทำให้จีนกลายเป็นตลาดใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์แมวน้ำ ร่วมกับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้

สำหรับการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักสิทธิสัตว์กำลังขยายวงกว้างในจีน ท่ามกลางความตื่นตัวของสาธารณชนที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ขณะที่ รัฐสภาจีนกำลังพิจารณาร่างกฎหมายคุ้มครองสัตว์ฉบับแรกของจีน ซึ่งคาดว่า กว่าจะผ่านกฎหมายฯออกมามีผลบังคับใช้ ต้องใช้เวลาอีกหลายปี

อนึ่ง รัฐบาลแคนาดายังคงรักษากิจกรรมการล่าแมวน้ำเพื่อการพาณิชย์ที่มีมานานกว่า 350 ปี ซึ่งเป็นอาชีพหลักของชาวประมงแถบแอตแลนติกเหนือกว่า 6,000 ชีวิต ที่มีรายได้จากการล่าแมวน้ำ สูงถึง 35 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมดต่อปี