เอเอฟพี - จีนเผยทุนสำรองระหว่างประเทศช่วงท้ายปี 53 ทะลุสถิติสูงที่สุด เร้าประเด็นค่าเงินเหยวน รับหู จิ่นเทา ประธานาธิบดีจีนในการเยือนสหรัฐฯ สัปดาห์หน้า ขณะจีนมองด้านดีว่า เป็นการหมุนเวียนทุนช่วยให้อุ้มหนี้ยุโรปไหว
แถลงการณ์ของธนาคารกลางในวันที่ 11 ม.ค. ระบุว่า เมื่อสิ้นสุดเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา ทุนสำรองระหว่างประเทศ (Foreign exchange reserves หรือ Forex reserves) ของจีนได้เพิ่มขึ้น 18.7% เทียบกับปีก่อนหน้า เป็น 2.847 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยบรรดานักวิเคราะห์การเงิน กล่าวหาว่า การเพิ่มขึ้นของทุนสำรองฯ ที่จีนมีมากที่สุดในโลกนี้ แสดงให้เห็นถึงความไม่สมดุลของการค้าโลก และสภาวะการควบคุมสภาพคล่องในประเทศ โดยต่างพุ่งเป้าไปที่อานิสงค์ยอดการค้าเกินดุลปริมาณมหาศาลของจีน ซึ่งมีมากถึง 1.83 แสนล้านดอลลาร์ ว่างอกเงยมาจากการตรึงอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนของธนาคารกลางจีน เพื่อประโยชน์ในระบบเศรษฐกิจการค้า การส่งออก จนคู่ค้าใหญ่อย่างสหรัฐฯ ถึงกับกล่าวว่า การตรึงค่าเงินหยวนให้ต่ำกว่ามูลค่าที่เป็นจริงนั้น ทำให้พ่อค้าจีนได้เปรียบคู่ค้าอย่างไม่เป็นธรรม
อย่างไรก็ตาม เป็นที่ทราบดีว่า ความมั่งคั่งของจีนนี้ ก็มีผลในด้านดีที่สามารถทำให้จีนไปช่วยโอบอุ้มภาวะหนี้ของชาติต่างๆ ในยุโรปที่ล้วนเกิดจากการล่มสลายของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ทันท่วงที
อลาอิส ชาน นักวิเคราะห์จากมูดี้ส์ กล่าวว่า มองจากมุมของจีน ทุนสำรองระหว่างประเทศมหาศาลของจีนนี้ นอกจากจะเป็นทุนสำรองเงินตราส่วนหนึ่งแล้ว ทุนสำรองดังกล่าวที่มีอยู่มากเกินระดับความต้องการของรัฐบาล ยังนำไปลงทุนต่อโดยการเข้าไปอุ้มหนี้และฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กับยุโรป ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่มีแต่ผู้ได้สมประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย ถ้าจะมีด้านไม่ดีก็คงเป็นว่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้าลูกหนี้ล้มละลาย
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 3 ม.ค. ที่ผ่านมา สำนักข่าวซินหวายกคำกล่าวของ จู ปังเจ้า ทูตจีนประจำกรุงมาดริด ว่า “จีนเต็มใจที่จะช่วยเหลือสเปนฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ และการพบปะระหว่างหลี่ เค่อเฉียงกับโฆเซ่ หลุยส์ โรดริเกซ ซาปาเตโร่ นายกรัฐมนตรีสเปน และรัฐมนตรีคลังเอเลนา ซาลกาโด เป็นหัวใจสำคัญในการสร้างเสถียรภาพทางการเงิน โดยการพูดคุยครั้งนี้จะเน้นการขยายความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างกัน”
เคน เผิง นักวิเคราะห์จาก ซิติกรุ๊ป (Citigroup) กล่าวว่า การขยายตัวของซัพพลายด้านทุนเมื่อปลายปี ชี้ให้เห็นว่า คงจะต้องมีการออกมาตรการอีกมากมายในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ เพื่อตรึงสภาพคล่องล้นเกินไว้ โดยหลังจากวันตรุษจีนในต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ อาจจจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้นอีก หลังจากตัวเลขฯ ยอดเงินปล่อยกู้ในปี 2553 ของธนาคารจีนที่รัฐเป็นเจ้าของ ได้พอกขึ้นไปสูงถึง 1.2 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว เกินกว่าเป้าซึ่งตั้งไว้ที่ 1 ล้านล้านดอลลาร์ นอกจากนั้น ภาวะเงินเฟ้อรุนแรงในช่วงปลายปีที่แล้ว ยังทำให้บรรดาผู้นำจีนได้สั่งการและกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ควบคุมราคาสินค้าบริโภคต่างๆ เพื่อลดความวิตกของผู้บริโภคอันจะส่งผลเสียต่อตลาดโดยรวม
ในเดือนธันวาคม ธนาคารกลางยังได้ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง ในรอบ 3 เดือน และสั่งให้ธนาคารต่างๆ เพิ่มเพดานทุนสำรองเงินกู้ ขณะที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ ยังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลยังคงต้องเฝ้ามองภาคอุตสาหกรรมสำคัญซึ่งเสี่ยงต่อภาวะฟองสบู่แตกอย่างยิ่งนี้ อย่างใกล้ชิด โดยสำนักข่าวซินหวา รายงานวันที่ 11 ม.ค. ว่า จากการสอบข้อมูลของกระทรวงที่ดินและทรัพยากรจีน พบว่า ภาวะการปล่อยกู้ของรัฐบาลท้องถิ่นจีน ในปีที่ผ่านมาเป็นไปอย่างสุ่มเสี่ยงยิ่ง ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ที่เผยออกมาในช่วงนี้ ของสื่อจีนก็เป็นความคาดการณ์ในด้านการเติบโตของเศรษฐกิจที่ว่า ปี 2553 จีดีพีจีนน่าจะไม่ต่ำกว่า 10% และด้ชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) อาจจะพุ่งไปที่ 3.3%