เอเจนซี-นายใหญ่เพนทากอนพบปะประธานาธิบดีหู จิ่นเทา โปรยยาหอมกระชับความสัมพันธ์ด้านทหาร ที่ชะงักงันไปปีกว่า ขณะเดียวกันกองทัพมังกรเปิดการทดลองบินเครื่องขับไล่เทคโนโลยีสเตลท์ ที่สามารถหลบหลีกเรดาร์ลำแรกของประเทศ สื่อจีนพาดหัวข่าวความสำเร็จในการทดลองบินฯ พร้อมโชว์ภาพเครื่อนบินล่องหนจีน อย่างไม่เกรงใจอาคันตุกะจากกรุงวอชิงตัน
รัฐมนตรีว่ากลาโหมโรเบิร์ต เกตส์พบปะกับประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ในบ่ายวันนี้ (11 ม.ค.) ที่มหาศาลาประชาคม กรุงปักกิ่ง โดยมีกลุ่มสื่อนานาชาติตลอดจนนักวิเคราะห์สังเกตการณ์จับตามองอย่างใกล้ชิด เนื่องจากการเยือนจีนของนายใหญ่เพนทากอนครั้งนี้ ถือเป็นไฮไลท์ของการซ่อมแซมสัมพันธภาพทางทหารระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ที่ชะงักงันมาปีกว่า หลังจากที่จีนประกาศแขวนความสัมพันธ์ทางหทารโต้ตอบกรณีที่สหรัฐฯรับรองการซื้อขายอาวุธแก่ไต้หวัน
การเยือนจีนของเกตส์ครั้งนี้ ยังนับเป็นความพยายามที่จะลดอุณหภูมิความตึงเครียดด้านการทหารระหว่างกันก่อนที่ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา จะเยือนวอชิงตันอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า
ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา กล่าวยกย่องการเยือนของเกตส์ ซึ่งเป็นการเยือนจีนครั้งแรกของเขานับจากปี 2550 ว่าเป็น”สัญลักษณ์ความก้าวหน้าใหม่” ในความสัมพันธ์ด้านการทหารของสองประเทศ
ด้านรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯหลังจากที่ได้ส่งต่อคำทักทายของประธานาธิบดีบารัก โอบามาแก่ประธานาธิบดีหูแล้ว ก็แสดงความหวังว่าการมาเยือนจีนของเขา จะช่วยส่งเสริมการกระชับความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างจีนและสหรัฐฯในระยะยาว
ทั้งนี้ ประธานาธบดี หูจิ่นเทา มีกำหนดการจะไปเยือนกรุงวอชิงตันอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้าวันที่ 19 ม.ค.
อย่างไรก็ตาม นอกจากการโปรยยาหอมผ่านการแถลงแสดงความหวังการปรับปรุงสัมพันธภาพกันแล้ว สหรัฐฯและจีนก็ไม่สามารถผลักดันความคืบหน้าที่สำคัญใดๆในประเด็นการทหารที่อ่อนไหว นอกจากนี้ จีนยังคงยันหลังชนฝาต่อต้านวอชิงตันมิให้ขายอาวุธให้แก่ไต้หวัน ซึ่งจีนถือเป็นมณฑลหนึ่งของจีน
“จีนมีจุดยืนที่ชัดเจนและมั่นคงมาตลอด เราต่อต้าน...” เหลียง กวงเลี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจีน กล่าวเมื่อวันจันทร์ (10 ม.ค.) ระหว่างการแถลงเกี่ยวกับกรณีที่สหรัฐฯขายอาวุธให้แก่ไต้หวัน
ทั้งนี้เกตส์ได้ประชุมกับรัฐมนตรีกลาโหมจีน เหลียง กวงเลี่ยในวันจันทร์ ระหว่างการพูดคุยผู้นำจีนได้สนับสนุนการขยายการแลกเปลี่ยนทางทหารระหว่างกัน แต่ก็ไม่ตกลงข้อเสนอ “การเจรจาทางยุทธศาสตร์” ที่จะถกเถียงประเด็นขีปนาวุธเพื่อการป้องปราม อาวุธนิวเคลียร์ การแข่งขันทางการทหารในโลกไซเบอร์ และอวกาศ จีนตกลงเพียงว่าจะศึกษาแนวคิดที่สหรัฐฯเสนอ
ในวันพุธ (12 ม.ค.) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการเยือนจีน เกตส์ อดีตผู้นำหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯหรือซีไอเอ จะไปเยี่ยมชม ศูนย์บัญชาการคลังแสงขีปนาวุธและนิวเคลียร์ (Second Artillery Corps) ซึ่งจีนไม่ค่อยเปิดให้ผู้นำต่างชาติคนไหนเข้าชม หลังจากนั้น เกตส์ก็จะเดินสายเยือนญี่ปุ่นในวันพุธ และเกาหลีใต้ในวันศุกร์ เพื่อถกวิกฤตในคาบสมุทรเกาหลี
ทั้งนี้ ขณะนี้ผู้นำสหรัฐฯกำลังวิตกการพัฒนาขีปนาวุธต่อต้านเครื่องรบรุ่นใหม่ และอาวุธอื่นๆของจีน โดยมองว่าเป็นภัยคุกคามต่อกองกำลังนาวีสหรัฐฯในแปซิฟิก
จีนเฮ! ทดลองเครื่องบินล่องหนสำเร็จ
ระหว่างที่รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ โรเบิร์ต เกตส์ กำลังพูดคุยกับประธานาธิบดีหู จิ่นเทา จีนก็เปิดการทดลองบินเครื่องบินขับไล่เทคโนโลยีสเตลท์ J-20 ที่เมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน โดย J-20 ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าเมื่อเวลา 12.50 น. และทดสอบการบิน 18 นาที ในเย็นวันเดียวกัน สื่อจีนได้พาดหัวข่าวการทดลองบิน J-20 เที่ยวบินแรกประสบความสำเร็จ และมีการจุดประทัดฉลองรอบสนามที่ J-20 ลงจอดด้วย
ทั้งนี้เทคโนโลยีสเตลท์ มีศักยภาพในการสามารถหลบเลี่ยงเรดาร์ และแสงอินฟราเรด ซึ่งไทยเรียก เครื่องบินขับไล่แบบสเตลท์นี้ว่า "เครื่องบินล่องหน"
เจ้าหน้าที่อาวุโสที่เดินทางมากับคณะเยือนจีนของเกตส์ เผยว่าในตอนที่คิดกำหนดวันทดลองบินเครื่องบินขับไล่ J-20 นั้น กองทัพจีนไม่ได้แจ้งแก่หู จิ่นเทาและผู้นำพลเรือนจีนคนใดทราบก่อน
เมื่อนายใหญ่เพนทากอนได้ถามหูตรงๆ เกี่ยวกับการทดลองบินเครื่องบินขับไล่สเตลท์ ระหว่างพุดคุยกันในวันนี้ หูจึงได้ยอมรับเรื่องนี้
เกตส์เผยหลังจากพบปะกับหู ว่า “ท่านประธานาธิบดีบอกว่าการทดลองไม่ได้เกี่ยวกับการเยือนของผม” โดยการทดลองฯนี้ ได้ถูกกำหนดมาก่อนหน้านี้แล้ว
ทั้งนี้ในสัปดาห์ที่แล้วมีรายงานว่า จีนได้บรรลุการพัฒนาและผลิตเครื่องบินขับไล่เทคโนโลยีสเตลท์ J-20 โดยผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า J-20 จะเป็นคู่แข่งกับเครื่องบินรุ่น F-22 ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ
ชมลีลาทดลองบินของ J-20 เครื่องบินขับไล่ไอพ่นเทคโนโลยีสเตลท์ หรือเครื่องบินล่องหนลำแรกของจีน ที่มีความสามารถในการหลบหลีกเรดาร์และแสงอินฟราเรด (ภาพ เอเจนซี)