เอเจนซี่ – การอวดมั่งอวดมีของพวกมหาเศรษฐี ซึ่งมีอยู่ราว 825,000 คนในเมืองจีนเวลานี้ หาใช่การทุ่มเงินซื้อบ้านในออสเตรเลีย ม้าสายพันธุ์ดีในอเมริกา แฟชั่นเสื้อผ้าของดีไซเนอร์ยุโรป หรือภรรยาสาวๆ หน้าตาจุ๋มจิ๋มอีกต่อไป
ทว่าสิ่งหรูเริด ที่จะต้องขนขวายหามาเป็นเครื่องการันตีว่ารวยจริงก็คือเจ้าตูบสายพันธุ์แมสทิฟทิเบต ซึ่งเป็นสุนัขสำหรับต้อนแกะในทิเบต ตัวใหญ่ ขนหนาเหมือนสิงโต และน้ำลายยืด
“ผมเคยลงทุนเลี้ยงสุนัขพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ด แต่แมสทิฟทิเบตมาแรงตอนนี้” สุย ฮุยเจิ้ง เจ้าของธุรกิจเพาะพันธุ์สุนัขขายเล่า
เขามีพันธุ์นี้อยู่ราว 20 ตัว และนำมาโชว์ในงานแสดงสุนัขพันธุ์แมสทิฟทิเบตแห่งจีนประจำปีครั้งที่ 6 (6th annual China Tibetan Mastiff Expo) ซึ่งจัดขึ้นสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีการนำสุนัขราคาแพงที่สุดในจีนพันธุ์นี้ เดินโชว์บนแค็ตวอล์กราวกับนางแบบแฟชั่น บางตัวนั้น เจ้าของตั้งชื่อตามชื่อเศรษฐีอเมริกัน เช่น “วอร์เร็น บัฟเฟ็ตต์” บางตัวเดาะเรียกว่า “ก๊อด” และ “พริ้นซ์” กันเลยทีเดียว
เจ้าของคอกสุนัขระบุว่า แมสทิฟทิเบต ที่โตแล้ว ขายตกตัวละหลายหมื่นดอลลาร์ และบางตัวราคาไม่ต่ำกว่า 1 แสนดอลลาร์ มีอยู่ตัวหนึ่งขายให้เศรษฐีสาวทางภาคเหนือราคากว่าครึ่งล้านดอลลาร์ และเธอจัดขบวนรถยี่ห้อหรู 30 คัน มารอรับที่สนามบิน จนเป็นข่าวฮือฮาเมื่อปีที่แล้ว
แต่ความคลั่งไคล้นี้กลับเป็นเรื่องแปลกสำหรับธุรกิจขายสุนัขและสามัญสำนึกในการเลี้ยงในที่อื่น มาร์ทา เฟลเต็นสไตน์ ประธานสมาคมอเมริกัน ทิเบแท็น แมสทิฟ รู้สึกงงกับราคาแพงลิบเช่นนั้น เพราะเมื่อเทียบกับพันธุ์อื่น ที่เลี้ยงกันแล้ว มันตัวโตมาก หนักประมาณ 80 ก.ก อีกทั้งยังมีช่วงอายุ ที่สั้น นิสัยดุร้าย และเป็นพันธุ์ ที่หาไม่ยากโดยที่สหรัฐฯ ขายลูกสุนัขแมสทีฟทิเบตตัวละไม่กี่ร้อยดอลลาร์เอง