เอเอฟพี-โพลล์ชี้เมื่อวันพุธ (15 ธ.ค.)คนไต้หวันส่วนใหญ่เชื่อว่าถึงเวลาที่การเจรจาข้อตกลงทางการเมืองให้ชัดกับจีนควรจะเริ่มได้แล้ว
จากการสำรวจชาวไต้หวันจำนวน 1,090 คน โดยนิตยสารคอมมอนเวลธ์ เดือนธ.ค. ก่อนหน้าการพบปะระดับสูงของสองฝ่ายในการเจรจาข้อตกลงทางการค้าฯ รอบสี่ ที่เมืองไทจุง ไต้หวัน วันที่ 22 ธันวาคมปีนี้
ผู้ตอบแบบสำรวจกว่าร้อยละ 57 อยากจะเห็น ประธานาธิบดีหม่า อิงจิ่ว ของไต้หวัน เจรจาความเมืองเรื่องการหลีกเลี่ยงสงครามและรักษาสันติภาพต่อกัน
ผลสำรวจชี้ให้เห็นสิ่งที่ขัดกันกับประเด็นนโยบายชูจีนของหม่า ที่เน้นว่า "ปากท้องมาก่อน การเมือง"
สำหรับประชาชนบนเกาะไต้หวันเองนั้น มีเพียงไม่เท่าไร ที่สนับสนุนการผนวกดินแดน ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการเห็นสภาพที่เคยเป็นอยู่เช่นทุกวันนี้ ดำเนินต่อไป นั่นคือไต้หวันเป็นประเทศอิสระ ที่มิได้อยู่ภายใต้อธิปไตยของใคร
ทั้งนี้ จีนยังคงถือว่า ไต้หวันเป็นเพียงมณฑลหนึ่งของตน และหากการผนวกรวมไม่เป็นผล ก็จำเป็นต้องใช้กำลังทหารเข้าจัดการ โดยหลังจากประธานาธิบดีหม่าเข้ารับตำแหน่งผู้นำไต้หวันเมื่อปีที่แล้ว และเดินหน้าปรับปรุงความสัมพันธ์กับจีน ที่ร้าวฉาน ซึ่งเขาเชื่อว่าจะเป็นทางออกของเศรษฐกิจในประเทศ ขณะที่ผู้นำไต้หวันคนก่อนมีแนวนโยบายสนับสนุนการประกาศเอกราชนั้น ความสัมพันธ์ตึงเครียดระหว่างสองประเทศก็เริ่มดีวันดีคืน
แม้ประเด็นการเมืองอย่างเรื่องรักษาสิทธิปกครองตนเองของเกาะไต้หวันซึ่งเป็นเรื่องที่ยุ่งยากกว่า แต่นักสังเกตุการณ์กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดสนธิสัญญาสันติภาพเพื่อสิ้นสุดความเป็นปฏิปักษ์ที่ยาวนานกว่า 60 ปีอย่างเป็นทางการ